Work / ปัจจุบัน Gen Y ที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 43 ปี คือกลุ่มที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกในหลาย ๆ ด้าน เช่น เป็นกลุ่มใหญ่ของประชากรประเทศต่าง ๆ และได้ขึ้นเป็นหัวหน้ารัฐบาลบางประเทศแล้ว 

ส่วนในโลกการทำงาน Gen Y ก็ทยอยขึ้นมาเป็นผู้บริหาร ทั้งในระดับกลางหรือถึงขึ้นซีอีโอเลยก็มี เช่นในสหรัฐฯ ที่คาดกันว่า Gen Y ครองสัดส่วน 55% ในตลาดแรงงาน และคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดแรงงานในหลายประเทศ.

บทบาทด้านการบริหารที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ Gen Y ยังสะท้อนผ่านสื่อบันเทิงในปัจจุบัน

เช่น ซีรีส์ญี่ปุ่น Riding a Unicorn ที่มีให้ชมใน Netflix ซึ่ง Gen Y ต้องบริหารทั้งงาน บริษัท และชีวิต รวมไปถึงทำให้ความสัมพันธ์กับ Gen Y และ Gen Z ที่ทำงานด้วย ดำเนินไปอย่างราบรื่น

ถ้าคุณเป็นหนึ่งใน Gen Y ที่ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารแล้ว เคล็ดลับ 3 ข้อต่อจากนี้จะช่วยให้คุณขับเคลื่อนทีม ดูแลงานในแผนก รวมไปถึงบริหารบริษัทได้อย่างราบรื่น จนได้ชื่อว่า เป็นหัวหน้า Gen Y ที่ได้ใจทีมงานทุกรุ่น

 

สวมบทโค้ชไม่ใช่ ผบ. จอมโหด: เคล็ดลับข้อแรกที่ Gen Y ควรนำมาปรับใช้เมื่อได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหาร คือ บริหารแบบโค้ช ไม่ใช่เจ้านายหรือผู้บังคับบัญชา

ปัจจุบันสังคมการทำงานประกอบไปด้วยคนหลายรุ่น ไล่ตั้งแต่ Babyboomer ที่แม้ถึงวัยเกษียณแล้วแต่จำเป็นทางเศรษฐกิจจึงต้องทำงานอยู่ ไปจนถึง Gen Z ที่เพิ่งเริ่มชีวิตการทำงาน

นี่ทำให้ลักษณะการบริหารจึงมีแนวโน้มเปลี่ยนจากบนลงล่าง มีลำดับขั้นและเน้นสั่งการ ไปเป็นแนวระนาบที่เน้นแบบที่ปรึกษามากขึ้น ซึ่ง Gen Y ที่ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารก็แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะชอบบริหารงานแบบโค้ชมากกว่าอยู่แล้ว

การบริหารงานแบบโค้ช ยังทำให้บรรยากาศการทำงานเป็นไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เปิดกว้างต่อการพูดคุยสำหรับคนทุกรุ่นทุกวัย ส่งเสริมความสามัคคี

ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริหาร Gen Y ต้องทำ คือ วางตัวเป็นโค้ชผู้พร้อมให้คำปรึกษา มากกว่าเป็นบอสจอมเฮี้ยบที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่งงานนั่นเอง    

ปรับโหมดสนทนา-หาทางเข้าถึงด้วยใจ: เคล็ดลับข้อต่อมาที่จะทำให้ผู้บริหาร Gen Y คว้าใจทีมงานและลูกน้องในสังคมการทำงานยุคนี้ได้คือ การแสดงออกให้รู้ว่าพร้อมพูดคุย หมั่นสังเกตภาษากายของทีมงานอยู่เสมอ

ขณะเดียวกันก็มีความเห็นอกเห็นใจทีมงาน และจับสัญญาณว่าทีมงานคนไหนมีเรื่องอยากบอกหรือโครงการจะนำเสนอนอกเหนือจากงานที่ทำอยู่หรือไม่ เพื่อเปิดทางให้เกิดผลงานใหม่ ๆ และนวัตกรรมขึ้นมา

เคล็ดลับข้อนี้ยังถือเป็นทักษะการบริหารความสัมพันธ์กับทีมงาน หรือ Soft Skill ที่ผู้บริหารยุคนี้ไม่ว่าเป็นคนรุ่นไหนต้องมีไม่น้อยไปกว่าทักษะเชิงเทคนิค หรือ Hard Skill ในการใช้เอไอและเทคโนโลยีต่าง ๆ

ใช้ข้อตกลงร่วมกันเป็นกรอบการทำงาน: เคล็ดลับข้อสุดท้ายที่จะทำให้ผู้บริหาร Gen Y คว้าใจทีมงานได้คือ การย้ำให้สมาชิกในทีมรู้ถึงธรรมเนียมปฏิบัติ หรือข้อตกลงต่าง ๆ ที่มีร่วมกัน นอกเหนือไปจากกฎข้อบังคับที่ต้องทำ

เพราะข้อตกลงเหล่านี้จะช่วยสร้างอัตลักษณ์ของทีม และวัฒนธรรมองค์กร เพื่อผลักดันให้ทีมสร้างผลงานที่ดีและช่วยให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งได้ ในยุคที่ต้องเผชิญความท้าทายมากมาย

ไล่ตั้งแต่คนหลายรุ่นทำงานอยู่ด้วยกัน การทำงานแบบผสมผสานระหว่างที่บ้านกับเข้าบริษัท และเอไอกับเทคโนโลยีต่าง ๆ

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นด้วย เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกการทำงานที่กำลังจะมาถึง

เมื่อทั้งทีมเข้าใจข้อตกลงร่วมกัน และยังอัปเดตข้อตกลงใหม่ ๆ กันอยู่เสมอ ทีมจึงรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องที่จะเข้ามาอีกในอนาคต

และผู้ที่ปฏิบัติตามกฎไม่ได้จึงลดลง ดังนั้น การลาออกหรือต้องลงดาบลงโทษไปจนถึงไล่ออกจึงน้อยลงตามไปด้วย ♦ / fastcompany


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer