ตลาดรถ EV วันนี้เป็นอย่างไรในวันที่ปัญหาการใช้งานที่มีมากกว่าสันดาป (วิเคราะห์)
รถยนต์ EV ในกลุ่ม BEV (Battery Electric Vehicles) ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะคู่แข่งจากแบรนด์จีนที่ใช้กลยุทธ์ด้านราคา และการเปิดตัวโมเดลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้ตัดสินใจเป็นเจ้าของ
การแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดรถ EV กลุ่ม BEV ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ Passenger Car ในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2567 มีปริมาณการขายรวมที่ 52,702 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2566 ซึ่งมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 48,725 คัน และในสิ้นปี 2566 ยอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 73,568 คัน ตามข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์
การเติบโตของรถยนต์ EV ในกลุ่ม BEV สำหรับรถยนต์ Passenger Car ถือเป็นการเติบโตที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากกว่าการแข่งขันเพียงอย่างเดียว นั่นคือเรื่องคุณภาพของรถยนต์ที่อาจสร้างประสบการณ์ทางลบให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งผู้บริโภคที่เลือกซื้อรถยนต์ EV มักมีความคาดหวังสูงต่อประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและการใช้งานที่สะดวกสบาย
นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) ได้ทำการสำรวจผู้ซื้อรถยนต์จำนวน 3,390 คน เกี่ยวกับปัญหาที่พบในช่วง 1-6 เดือนแรกหลังจากซื้อรถใหม่ พบว่ารถยนต์ EV ในกลุ่ม BEV มีจำนวนปัญหาที่พบสูงกว่ารถยนต์สันดาป โดยในกลุ่มรถยนต์ EV 100 คัน พบปัญหาจำนวน 174 ปัญหา ขณะที่รถยนต์สันดาป 100 คัน พบปัญหาจำนวน 161 ปัญหา
ปัญหาหลักที่ผู้ใช้งานรถยนต์ EV ในกลุ่ม BEV พบเป็นประจำ สามารถแบ่งได้เป็นปัญหาทั่วไปและปัญหาด้านเทคโนโลยี ซึ่งอาจทำให้ประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ EV ไม่เป็นไปตามที่ผู้บริโภคคาดหวัง
ปัญหาทั่วไปที่พบ ได้แก่:
– รองรับการสั่นสะเทือนที่ไม่เหมาะสม จำนวนปัญหาที่พบ 13.1 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– ระบบปรับอากาศที่ไม่มีประสิทธิภาพ จำนวนปัญหาที่พบ 10.8 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– เบาะนั่งไม่สบาย จำนวนปัญหาที่พบ 7.2 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– ที่วางแก้วน้ำใช้งานไม่สะดวก จำนวนปัญหาที่พบ 5.7 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– ความสูงของรถที่ไม่เพียงพอ จำนวนปัญหาที่พบ 4.3 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
ปัญหาด้านเทคโนโลยีที่พบใน ตลาดรถยนต์ EV ได้แก่ :
– ระบบนำทางที่ไม่แม่นยำ จำนวนปัญหาที่พบ 2 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– แอปพลิเคชันเชื่อมต่อมือถือที่ใช้งานยาก จำนวนปัญหาที่พบ 1.9 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– ระบบชาร์จไฟไร้สายที่ไม่เสถียร จำนวนปัญหาที่พบ 1.5 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาสำคัญในรถยนต์ EV คือความเร็วในการชาร์จไฟ ซึ่งผู้บริโภคกว่า 56% ต้องรอชาร์จแบตเตอรี่นานกว่า 8 ชั่วโมง และระยะทางในการขับขี่เฉลี่ยต่อการชาร์จหนึ่งครั้งอยู่ที่ 412 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ใช้หลายราย
ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นความท้าทายที่ผู้ผลิตรถยนต์ EV ต้องเผชิญและก้าวข้าม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานรถยนต์ EV ในปัจจุบันมากถึง 81% เคยมีประสบการณ์ใช้งานรถยนต์สันดาปมาก่อน
ผู้ซื้อรถยนต์ EV ส่วนใหญ่ในประเทศไทยเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี คิดเป็นสัดส่วนถึง 66% และมีรายได้สูงกว่า 95,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปถึง 41% ซึ่งกลุ่มนี้มีศักยภาพในการซื้อในปัจจุบันและอนาคต และอาจพิจารณาเปลี่ยนไปใช้แบรนด์คู่แข่งหรือรถยนต์สันดาปที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าได้
จากการสำรวจนี้ นีลเส็นได้ทำการเปรียบเทียบประสบการณ์และปัญหาที่ผู้ขับขี่พบในกลุ่มรถยนต์ EV และรถยนต์สันดาป โดยพบว่า:
ประสบการณ์ในการขับขี่
– รถยนต์ EV พบจำนวนปัญหา 22.3 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– รถยนต์สันดาป พบจำนวนปัญหา 12.6 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
ระบบปรับอากาศ (HVAC: Heating, Ventilation, and Air Conditioning สำหรับควบคุมอากาศภายในรถยนต์)
– รถยนต์ EV พบจำนวนปัญหา 17.7 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– รถยนต์สันดาป พบจำนวนปัญหา 10.0 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
มอเตอร์/การชาร์จไฟ/ระบบเกียร์
– รถยนต์ EV พบจำนวนปัญหา 12.0 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
– รถยนต์สันดาป พบจำนวนปัญหา 7.8 คัน จากรถยนต์ 100 คัน
สำหรับการสำรวจในครั้งนี้ นีลเส็นได้จัดลำดับคุณภาพของรถยนต์ในแต่ละกลุ่ม โดยพบว่าในกลุ่มรถ EV เทสล่า โมเดล 3 ได้รับการจัดอันดับเป็นรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด
ส่วนในกลุ่มรถยนต์สันดาป ได้แบ่งตามประเภทดังนี้:
– รถยนต์ขนาดเล็ก: นิสสัน อัลเมร่า
– รถยนต์ขนาดกลางระดับต้น: ฮอนด้า ซิตี้
– รถยนต์ขนาดกลาง: ฮอนด้า ซีวิค
– รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก: นิสสัน คิกส์
– รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (PPV): มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
– รถกระบะตอนเดียว: โตโยต้า รุ่นมาตรฐาน 4×2
– รถกระบะตอนขยาย: อีซูซุ วี-ครอส 2 ประตู 4×4
– รถกระบะ 4 ประตู: ฟอร์ด ดับเบิ้ลแค็บ 4×4
–
Website : Marketeeronline.co /

