Temu ถ้าคิดจะเจาะตลาด ไม่ง่ายนะ เพราะ Shopee Lazada สกัดไว้หมดแล้ว (วิเคราะห์)
แม้ในวันนี้เทศกาล 12.12 เรายังไม่เห็น Temu ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเต็มรูปแบบในตลาดประเทศไทย ด้วยแคมเปญการตลาดที่เป็นไม้เด็ดดึงดูดลูกค้าให้รู้จักและเข้ามาสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม
และเชื่อว่า Temu กำลังรอจังหวะที่เหมาะสมในการบุกตลาดอย่างจริงจัง จากที่ผ่านมามีเวอร์ชั่นภาษาไทยในเดือนสิงหาคม 2567 พร้อมจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยในชื่อบริษัท เวล โค เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท
แต่การบุกตลาดไทยของTemuเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่เข้ามาแข่งขัน และธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด และนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เคยให้ข้อมูลว่าแม้บิซิเนสโมเดลTemuจะแตกต่างจากเจ้าตลาดอย่างช้อปปี้และลาซาด้า แต่การมาของTemuเป็นเพียงแรงกระเพื่อมให้กับวงการอีคอมเมิร์ซไทยให้มีสีสันขึ้นเท่านั้น
โดย บิซิเนสโมเดลของTemuอยู่ในรูปแบบดีลตรงจากโรงงานในจำนวนมหาศาล เพื่อมาทำตลาด ตั้งราคาขายด้วยตัวเองเพื่อส่งขายให้กับลูกค้าทั่วโลก
ส่วน Shopee และ Lazada มีบิซิเนส โมเดล เป็นอีมาร์เก็ตเพลส เปิดพื้นที่ให้ผู้ขายเข้ามาเปิดร้านค้าในแพลตฟอร์มเป็นหลัก
ซึ่งถ้ามองไปที่บิซิเนสโมเดลของTemu กับ Shopee และ Lazada มีความแตกต่างกัน ที่ทำให้Temuสู้รบในสนามได้
แต่การเป็นผู้เล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยของ Shopee และ Lazada มานาน นอกเหนือจากมีฐานลูกค้าที่อยู่ในมือจำนวนมหาศาล และรู้จักลูกค้าผ่านดาต้าเบสที่มีอยู่ที่สามารถต่อยอดให้กับธุรกิจที่หลากหลาย
ที่สามารถตั้งรับTemuก่อนที่เข้ามาในตลาดไทยด้วยการนำ Shopee Choice และ LazChioce ซึ่งเป็นร้านค้าที่ Shopee และ Lazada เป็นผู้ดำเนินการเอง ด้วยการดีลสินค้าจากโรงงานทั้งจากไทยและต่างประเทศมาตั้งราคาขายเองในรูปแบบเดียวกับTemu เข้ามาสกัดกั้นการขายของTemuในบิซิเนสโมเดลเดียวกัน ผ่านสินค้าในรูปแบบเดียวกันคือ Unbranded หรือสินค้าที่ไม่มีแบรนด์ เจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นซื้อสินค้าจากราคาโดยไม่จำเป็นต้องมีแบรนด์ หรือเป็นแบรนด์ที่รู้จัก

และนอกจากประเทศไทย Shopee Choice และ LazChioce ยังมีให้บริการในหลากหลายประเทศที่ Shopee และ Lazada เข้าทำตลาด ทำให้ทั้งคู่มีพลังที่มากพอในการดีลสินค้าราคาพิเศษจากโรงงานเพื่อทำราคาขายดึงดูดลูกค้าที่มีอยู่ในมือจำนวนมาก
พร้อมแคมเปญการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ที่ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และยังเป็นการสกัดกันไม่ให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเดียวกันจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Temuที่จะเข้ามาเป็นคู่แข่งใหม่ในไทยได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ความท้าทายของ Temu บนการตั้งรับของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั้ง Shopee และ Lazada ยังต้องแข่งขันกับ TikTok ที่มีสินค้า Unbranded ในรูปแบบเดียวกันจำหน่ายอีกด้วย
ส่วนปีหน้า จะได้เห็นความเคลื่อนไหวของTemuในตลาดไทยกระบวนท่าไหน และจะเข้าสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการอีคอมเมิร์ซไทยได้หรือไม่ ต้องดูกันยาว ๆ
Marketeer FYI
ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังคงเติบโต
ปี 2019 มูลค่า 165,000 ล้านบาท
ปี 2020 มูลค่า 396,000 ล้านบาท เติบโต 140%
ส่วนปี 2021 มูลค่า 693,000 ล้านบาท เติบโต 75%
ต่อมาปี 2022 มูลค่า 818,000 ล้านบาท เติบโต 18%
และปี 2023 มูลค่า 980,000 ล้านบาท เติบโต 19%
คาดการณ์ปี 2024 มูลค่า 1,100,000 ล้านบาท เติบโต 14%
และเติบโตต่อเนื่องจนปี 2027 มูลค่า 1,600,000 ล้านบาท เติบโต 14%
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
