CEO ที่ขึ้นมาผลัดใบรันองค์กรต่อในช่วงปี 2024 ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก ๆ   เมื่อโลกใบใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผู้นำองค์กรเหล่านี้คงต้องอยู่ในโหมด Work Hard to Survive ไปอีกนาน

1 มกราคม 2567 ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ต่อจาก “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” เป็น CEO คนที่ 12 ของเอสซีจี ในปีที่องค์กรก้าวขึ้นสู่ปีที่ 111

9 เดือนแรกของ 2567 ภายใต้การนำทัพของเขา ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนหนัก เอสซีจีมีกำไร 6,854 ล้านบาท ลดลงถึงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีกำไร 27,049 ล้านบาท เพราะธุรกิจหลักเช่นปิโตรเคมีอ่อนตัวลากยาว ส่วนธุรกิจซีเมนต์โครงการใหญ่ของรัฐบาลยังไม่มาตามนัด ธุรกิจอสังหาฯ ยังชะลอตัวต่อเนื่อง

ธรรมศักดิ์เลยต้องสั่งลุยลดต้นทุนทั้งองค์กร ปิดกิจการไม่ทำกำไร ขายสินทรัพย์ เพื่อเตรียมรับมือกับปี 2025 ที่ปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัว สงครามตะวันออกกลางยังไม่นิ่ง สินค้าจากจีนเข้ามาแข่งขันภายในประเทศมากขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทผันผวน นับเป็นความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจและมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อยาวนาน

โดยคงมุ่งเน้นการขยายผลิตภัณฑ์กลุ่ม high value-added และกลุ่ม green ซึ่งตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูงและมีอัตรากำไรสูงกว่าผลิตภัณฑ์กลุ่ม commodity

2 เมษายน 2567  สินนท์ ว่องกุศลกิจ รับตำแหน่ง CEO  บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แทนสมฤดี ชัยมงคล หญิงแกร่งของบ้านปูที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ 10 ปี

สินนท์ เป็นลูกชายของ ชนินท์ ว่องกุศลกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอคนแรกของบ้านปู เขาเริ่มต้นทำงานกับบ้านปู ตั้งแต่ปี 2557 ตำแหน่งล่าสุดก่อนเป็นผู้นำทัพคนใหม่ คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด (Banpu NEXT) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบ้านปูที่ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน

เป็น CEO วัยหนุ่ม ที่เข้ามาบริหารองค์กรในวันที่เทรนด์พลังงานสะอาดกำลังมาแรง แต่ในขณะที่รายได้หลักของบริษัทยังมาจากพลังงานถ่านหินเป็นหลักถึง 60%

ความท้าทายของเขาก็คือต้องลดสัดส่วน EBIDTA ของถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2573

ส่วนในช่วงปี 2567-68 ยังสานต่อกลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเร่งทรานส์ฟอร์มสู่พลังงานยั่งยืนมากขึ้นและการเติบโตที่สร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแรง พร้อมกับลดต้นทุนการผลิตในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

12 พฤษภาคม 2567 ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง มารับตำแหน่ง CEO ปตท.  แทน อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ในยุคของอรรถพลต้องยอมรับว่าเขาทำให้ภาพของ ปตท. เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากมายเพื่อรับมือกับโลกอนาคตที่จะหันไปใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น

การกระโดดไปทำธุรกิจที่นอกเหนือจากน้ำมันจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจถนัดบ้างไม่ถนัดบ้าง แต่เมื่อเป็นเทรนด์ก็จำเป็นต้องลอง

แต่การแข่งขันในโลกใบที่ 2 ของ ปตท. ใหญ่แค่ไหนก็ไม่ได้ง่าย

ในยุคของคงกระพัน เขาจึงมีนโยบายว่า ปตท. ต้องกลับมาทบทวน (Revisit) ตัวเองใหม่ เพราะสิ่งที่เกิดขี้นเมื่อ 5-6 ปีก่อนกับวันนี้อาจจะคนละเรื่องกัน

ธุรกิจหลัก Hydrocarbon & Power คือการสำรวจและผลิต ก๊าซ น้ำมัน ปิโตรเคมีและการกลั่น ค้าปลีกน้ำมัน และธุรกิจไฟฟ้าต้องทำต่อไปเพราะยังเป็นตัวทำกำไรหลักให้กับองค์กร เพียงแต่ทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว ต้องทำไปพร้อม ๆ กับการลดคาร์บอนด้วย

ส่วนกลุ่ม Non-Hydrocarbon ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ปตท. ได้สั่งทบทวนธุรกิจกลุ่มนี้ใหม่ทั้งหมดทั้ง value chain พร้อม ๆ กับการ Lean Organization ร่วมกับ Digital Transformation

16 ส.ค. 2567 ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ขึ้นรับตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) แทนอภิชาติ เกษมกุลศิริ ที่เพิ่งรับตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567

เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขององค์กรนี้อีกครั้งหลังจาก ฑิฆัมพร เปล่งศรีสุข ผู้ก่อตั้งบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ ได้ทยอยขายหุ้นไปนานหลายปี โดยมี โอภาส ศรีพยัคฆ์ ลูกหม้อเก่าแก่ ยังรั้งตำแหน่ง CEO ก่อนที่จะลาออกไปเมื่อปี 2566 โดยอภิชาติเข้ามารับตำแหน่งแทน พร้อม ๆ กับ ตระกูล “ฉัตรพิริยะพันธ์” เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท

ดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ เป็นบุตรสาวคนที่ 2 ของ ชาญยุทธ ฉัตรพิริยะพันธ์ ผู้ปลุกปั้นธุรกิจรีไซเคิล ‘ไคฮวดจั่น’ ความท้าทายของเธอคือการเข้ามา turnaround แอลพีเอ็นอีกครั้ง หลังจากแบรนด์ดังในอดีต “ลุมพินี” อาจจะไม่ใช่แบรนด์ของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้

ส่วนแบรนด์ใหม่ 168 ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาในขณะที่ธุรกิจอสังหาฯ เองยังไม่ฟื้นตัว และภาวะเศรษฐกิจยังไม่เป็นใจ

12 ธันวาคม 2567 หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มารับตำแหน่ง CEO โออาร์ แทนที่ดิษทัต ปันยารชุน ซึ่งเกษียณอายุไปในวันที่ 11 ธันวาคม 2567

งานสำคัญสุดท้ายของดิษทัตที่ทิ้งไว้ คือการวางแผนลงทุน 5 ปี (2568-2572) จำนวน 60,404.6 ล้านบาท แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ คือ Mobility 52% Lifestyle 25.7%  Global 18.0%  Innovation @ New Business 3.5%

ปี 2568 มีแผนจะลงทุนด้าน Lifestyle สูงถึง 7,280 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องโดยคงมุ่งเน้นการเพิ่มความแข็งแกร่งของร้าน Café Amazon ตลอด Value Chain

รวมทั้งหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ครอบคลุมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) และธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่น ๆ รวมถึงเริ่มศึกษาในธุรกิจด้าน Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง

ความท้าทายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของ CEO คนล่าสุด คือโออาร์กำลังวางแผนพลิกองค์กรด้วย “Digital Transformation” เพื่อให้โออาร์ไปถึงเป้าหมายก่อนคนอื่น

เพราะหากทรานส์ฟอร์มองค์กรได้ช้า เป้าหมายที่วางไว้ก็คงยากเช่นกัน

17 ธันวาคม 2567  ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กลับมาดำรงตำแหน่ง CEO บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) อีกครั้งหลังจากปล่อยให้ผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาบริหารนานนับ 10 ปี

เป็นบริษัทอสังหาฯ ที่ใช้ผู้บริหารระดับ CEO  4 คน ภายในเวลา 10  ปี

ถึงแม้การกลับมาครั้งนี้ของทองมาเป็นการรักษาการชั่วคราว ในระหว่างสรรหา CEO กลุ่มคนใหม่ แต่ในวันที่ตลาดอสังหาฯ ไม่เฟื่องฟูเหมือนในอดีต มีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มากกว่าเดิม และเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัว

ในขณะที่คู่แข่งรายอื่น ๆ ของพฤกษาแข็งแรงขึ้น เพราะวันนี้รายได้และกำไรของพฤกษาไม่ได้เป็น Top 3 Top 5 ของกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เหมือนเดิม

การกลับมาบริหารบริษัทครั้งนี้ของทองมาน่าจะยากกว่าเดิม หรือแม้แต่การหา CEO คนใหม่เข้ามาสานงานต่อก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนกัน

The Next Chapter ในปี 2025 ของแต่ละบริษัทจะเป็นอย่างไร อีกไม่นานคงรู้กัน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer