ตลาดสุกี้บุฟเฟต์ เดือดแค่ไหนถามใจนักชิมดู

เมื่อ ลัคกี้ สุกี้ เริ่มพาตัวเองต่อกรสุกี้ตี๋น้อย ผ่านพลังสาขาที่มากขึ้นด้วยการขยายสาขาเพิ่มอีก 16-120 สาขาในปีนี้ จากเดิมที่มีอยู่ 15 สาขา

และนอกเหนือจากการเข้ามาท้าชนในตลาดสุกี้บุฟเฟต์แล้ว ลักกี้ยังท้าชนตี๋น้อยในตลาดบาร์บีคิวด้วย ลัคกี้ บาร์บีคิว

การขยายสาขาของลัคกี้สุกี้ ในแผนธุรกิจยังเปิดร้าน ลัคกี้ บาร์บีคิว ตามมา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งสุกี้และบาร์บีคิวเช่นเดียวกับตี๋น้อย และสร้างจุดเด่นให้กับตัวเองด้วยการตกแต่งร้านสไตล์ Modern Chinese ที่แตกต่างจากตี๋น้อยซึ่งเป็นเจ้าตลาด

โดยจุดเริ่มต้นของลัคกี้สุกี้ เกิดจากที่เป็นเพื่อนกันได้แก่ รสรินทร์ ติยะวราพรรณ, วิรัตน์ โรจยารุณ, รุ่งทิวา วิพัฒนานันทกุล และอิทธิพล ติยะวราพรรณ กลุ่มเพื่อนทั้ง 4 ที่หลงใหลในรสชาติอาหาร รวมตัวกันเพื่อทดลองเปิดร้านสุกี้ด้วยเม็ดเงิน 25 ล้านบาท เพื่อคาดหวังว่าธุรกิจสุกี้จะเป็นอาชีพเสริมจากธุรกิจประจำ, ธุรกิจครอบครัวที่ทำอยู่ และทดลองเปิดสาขาแรกในปี 2565 ที่ People Park อ่อนนุช และประสบความสำเร็จ จนสามารถขยายสาขาต่อเนื่องมากถึง 21 สาขาในปัจจุบัน ทั้งสุกี้และบาร์บีคิว

และปี 2568 เป็นปีที่ผู้บริหารลัคกี้ มองว่าพร้อมที่จะแข่งขันกับเจ้าตลาดแบบสมน้ำสมเนื้อมากขึ้นด้วยการเปิดสาขาเพิ่มอีก 16-20 สาขา ทั้งรูปแบบบุฟเฟต์สุกี้และบาร์บีคิว ที่เปิดสองแบรนด์ในร้านเดียวกัน หรือเปิดแยกร้านแต่อยู่ในทำเลเดียวกัน บนโลเคชั่นที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และขยายไปยังหัวเมืองที่มีศักยภาพ เช่นในเดือนมีนาคมเปิดสาขาแรกในต่างจังหวัด ที่สระบุรี ก่อนที่จะขยายไปยังโคราช และขอนแก่น

ซึ่งการวางแผนไปต่างจังหวัดนอกเหนือจากการเลือกเมืองที่มีศักยภาพ ยังเลือกจังหวัดที่สามารถต่อยอดเส้นทางโลจิสติกส์เพื่อควบคุมการขนส่งวัตถุดิบจากครัวกลางถึงหน้าร้านได้อย่างมีคุณภาพอีกทางหนึ่ง

สำหรับการเลือกโลเคชั่นเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ด้านการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการพบเห็นและดึงดูดลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตามคอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้าทดลองเข้ามาใช้บริการ และเป็นลูกค้าประจำในที่สุด จากปัจจุบัน

รวมถึงนำแคมเปญการตลาด THEMATIC Campaign รักเธอไม่มีหมด  สื่อสารถึงประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ลัคกี้มอบให้ผ่านความรัก ความเอาใจใส่ต่อลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า และดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น

และเพิ่มความถี่ลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการด้วยแคมเปญการตลาดทั้งในรูปแบบโปรโมชั่นราคา, การมีน้ำซุปที่เป็นซีซันนอลให้บริการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการของลัคกี้ ในช่วงที่ผ่านมารายงานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในชื่อ บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ดังนี้

ปี 2565 รายได้รวม 79.74 ล้านบาท กำไร 2.67 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้รวม 409.19 ล้านบาท กำไร 46.31 ล้านบาท

ส่วนปี 2567  รสรินทร์ ติยะวราพรรณ ผู้บริหารลัคกี้ ให้ข้อมูลว่าสามารถสร้างการเติบโตด้านรายได้มากถึง 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

และ Marketeer เชื่อว่าการที่ลัคกี้ เน้นหนักขยายสาขาและแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นเจ้าตลาดอย่าง ตี๋น้อย คงไม่ปล่อยให้คู่แข่งสร้างตลาดด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน เห็นได้จากที่ผ่านมาตี๋น้อยวางแนวทางการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เช่นล่าสุดมกราคม 2568 เปิดสุกี้ตี๋น้อยสาขาที่ 79 ที่พิษณุโลก เปิด ตี๋น้อย บาร์บีคิว สาขา 2 ที่ แจส กรีน วิลเลจ คูบอน

บนแคมเปญการตลาดหลากหลายกระบวนท่า ทั้งการเมนูพิเศษที่หมุนเวียนเสิร์ฟให้กับลูกค้า, ส่วนลด 50% ในสาขาที่เปิดใหม่สำหรับลูกค้ากลุ่มแรก, กิจกรรมผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงการใช้พลังของผู้ร่วมทุนอย่างเจมาร์ทนำเจพอยต์ โปรแกรม CRM สะสมแต้มของเจมาร์ทแลกส่วนลด หรือสิทธิ์ัรับประทานฟรี เป็นต้น

และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและแคมเปญการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ที่ผ่านมาตี๋น้อยมีการเติบโตมีการเติบโตด้านผลประกอบการดังนี้

ปี 2564 รายได้รวม 1,572.27 ล้านบาท กำไร 148.00 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้รวม 3,976.34 ล้านบาท กำไร 591.48 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้รวม 5,262.43 ล้านบาท กำไร 907.15 ล้านบาท

และการรุกตลาดอย่างก้าวกระโดดของลัคกี้ในปีนี้ บนการต้อนรับของเจ้าตลาดอย่างตี๋น้อย จะสร้างการเติบโตให้กับตลาดสุกี้รวมมูลค่า 23,000-25,000 ล้านบาท และตลาดปิ้งย่างมูลค่า 9,000 ล้านบาท ได้มากแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป

 

ว่าแต่คุณอยู่ทีมไหน ตี๋น้อย หรือลัคกี้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer