ไปรษณีย์ไทย ในยุคตลาดขนส่งเดือดต้องรอด ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ คุมทัพต่ออีก 4 ปี

ในที่สุดไปรษณีย์ไทยก็มี ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ เป็นแม่ทัพลงสู้ศึกในสงครามอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ที่กำลังดุเดือดต่ออีก 4 ปีตามมติของคณะกรรมการบริษัท

เมื่อปี 2564  ดร. ดนันท์ ก้าวข้ามความกลัวและเสียงเตือนจากคนรอบข้าง มาสมัครตำแหน่งผู้นำทัพของไปรษณีย์ไทย ในช่วงเวลาที่ผลประกอบการขององค์กรแห่งนี้อยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านั้นปี 2561 รายได้และกำไร ของ ปณท พีกสุด (รายได้ 29,238 ล้านบาท กำไร 3,809 ล้านบาท) เพราะอีคอมเมิร์ซบูม คู่แข่งไม่มาก ทำให้วอลุ่มทุกอย่างทะลัก

หลังจากนั้นสงครามธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ก็เริ่มระอุ  มีคู่แข่งรายใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างชาติเข้ามาร่วมด้วย

และที่มาแรงอย่างน่ากลัวก็คือบรรดาอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่ลงมาทำโลจิสติกส์เอง

คราวนี้ไปรษณีย์ไทยไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่แล้ว  ไม่ใช่ผู้กำหนดราคาตลาด และยังต้องทำหน้าที่ในเรื่องการส่งจดหมายตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 ที่จะต้องส่งทุกพื้นที่ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ในราคา 3 บาทมานานหลายทศวรรษ

เพิ่งได้ถูกปรับเป็น 5 บาทเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา

ปี 2564  ขาดทุนหนัก 1,730 ล้านบาท และปี 2565 จากการเข้ามาบริหารงานเต็ม ๆ ของ ดร. ดนันท์กลับมีตัวเลขขาดทุนที่ 3,018 ล้านบาท  เพราะสงครามราคาที่เดือดสุด ๆ และส่วนหนึ่งมาจากการปรับโครงสร้างบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการ early retire ของ ปณท เอง

แต่ ดร. ดนันท์ก็ไม่ยอมถอดใจ วางแผนสู้ศึกในทุกเรื่อง พร้อม ๆ กับพัฒนานวัตกรรมสำคัญ ๆ เช่น

Prompt Post บริการนี้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการลดภาระด้านเอกสารของคนไทย สู่ระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

Digital Post ID (DID) ระบบใหม่ที่จะมาช่วยในการระบุและยืนยันตัวตนของผู้ส่งและผู้รับพัสดุอย่างแม่นยำผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

เน้นการบริหารงานของโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ กลับมาโฟกัสกับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ มากขึ้น รุกธุรกิจรีเทลที่กำลังทำรายได้ดีต่อเนื่อง มีกลุ่มอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุที่จะเข้ามาเติมพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้หลากหลาย

สร้างเครือข่ายการค้าปลีกผ่านบุรุษไปรษณีย์ 25,000 คน ซึ่งเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ครอบคลุมทั่วประเทศ

ในยุคของเขายังมี ผศ. ดร.เอกก์ ภทรธนกุล นักวิชาการการตลาดระดับชาติที่ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงดิจิทัลฯ ให้เป็นบอร์ดไปรษณีย์ไทย และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารด้วยเข้ามาช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในการพลิกโฉมองค์กรภายใต้แนวคิดที่ทันสมัย และขับเคลื่อนภาพลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยให้สอดคล้องกับความต้องการในยุคดิจิทัล และที่สำคัญเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น

ปณท มีการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและน่าเชื่อถือ จนได้รับรางวัลการตลาดแห่งประเทศไทยจากสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐวิสาหกิจได้เหรียญทองจากรางวัลดังกล่าว

มี POST Café ร้านคาเฟ่เครื่องดื่มภายใต้ภาพลักษณ์ของไปรษณีย์ไทย เป็นพื้นที่ Cups of Connection ให้ทุกคนได้มาพบปะและทำกิจกรรมร่วมกัน และกำลังวางแผนในเรื่องการขายแฟรนไชส์

ในปี 2566 ไปรษณีย์ไทย กลับมาได้ด้วยการสร้างเม็ดเงินกำไรได้อีกครั้งที่ 78.54 ล้านบาท

9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรอยู่ 31 ล้านบาท

สิ้นปี  2567 ตัวเลขกำไรขาดทุนยังไม่นิ่ง แต่ก็คาดการณ์ว่าคงปริ่ม ๆ ถ้าได้กำไรก็ไม่มาก ขาดทุนก็ไม่น่าเยอะ

แต่ถ้ามองอีกมุมในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 ปณท ยังทำตัวเลขกำไรได้ 97 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทขนส่งอื่นส่วนใหญ่ยังคงขาดทุน โดยเฉพาะ KEX (เคอีเอ็กซ์) บริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่คู่แข่งสำคัญยังคงขาดทุนอยู่ที่ 3,286 ล้านบาท

สะท้อนให้เห็นว่าการจะอยู่ให้รอดในธุรกิจขนส่งของยุคนี้ไม่ง่ายเลย

ดังนั้น วาระใหม่ของ ดร. ดนันท์ นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2572 จะสามารถทำให้ไปรษณีย์ไทย “รอด” หรือไม่ ต้องเจอกับความท้าทายอีกมากมายแน่นอน

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer