เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ใช้กลยุทธ์อะไรที่จะพา นักล่าหมูกระทะ และ ผองเพื่อนซูชิ เติบโต 30% บนความท้าทายตลาดอาหารญี่ปุ่นทรงตัว
ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายในตลาดอาหารญี่ปุ่นจากต้นทุนวัตถุดิบ เช่นปลาแซลมอน ที่แพงขึ้นและวัตถุดิบบางอย่างเช่นไข่ปลาแซลมอน ที่ขาดแคลน บนกำลังซื้อที่ชะลอตัวของผู้บริโภคจากเศรษฐกิจ ทำให้ ชนวีร์ หอมเตย และศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด มองว่าในปีนี้ตลาดอาหารญี่ปุ่นมูลค่า 25,000 ล้านบาท ทรงตัวจากปีที่ผ่านมา บนการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นของอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อแย่งชิงลูกค้าสร้างความอยู่รอดในธุรกิจ
แม้ตลาดอาหารญี่ปุ่นในปีนี้จะมีความท้าทาย แต่ผู้บริหาร เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ผู้มีรายได้หลักมาจากพอร์ตอาหารญี่ปุ่น 83% ยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในปีนี้มากถึง 30% ด้วยรายได้จบปี 2,800 ล้านบาท จากปี 2024 ที่ทำได้ 2,100 ล้านบาท
และภายในปี 2030 จะสร้างการเติบโตด้วยรายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท

สำหรับปี 2025 เป้าหมายการเติบโตที่มากถึง 30% ผู้บริหาร เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ได้วางกลยุทธ์การเติบโตผ่านแนวทางที่วางไว้ 5 ประการ
ประกอบด้วย
1. เข้าถึงลูกค้าผ่านแบรนด์ซูชิครบทุกเซกเมนต์ ในคุณภาพที่คุ้มค่าราคา
หลังจากปลายปี 2024 ที่ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป นำ Katsu Midori Sushi เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
ในปีนี้ถือเป็นปีที่ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป มีพอร์ต ซูชิ ครบทุกเซกเมนต์ หลังจากที่นำ Katsu Midori Sushi เข้ามาเสริมในตลาดพรีเมียมแมส
จากเดิมที่เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป มี Shinkanzen Sushi จับตลาดแมส ซูชิเริ่มต้นคำละ 11 บาท และ Nama Japanese and Seafood Buffet จับตลาดกลุ่มพรีเมียม บุฟเฟต์เริ่มต้น 999 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จ
การเลือก Katsu Midori Sushi เข้ามาเป็นหนึ่งในพอร์ต มาจากตลาดซูชิสายพานในไทยมีการแข่งขันที่ไม่สูงมาก มีเพียง Sushiro ที่เป็นรายใหญ่ในตลาด ที่ยังมีช่องว่างในตลาดให้ลงเล่น
ประกอบกับชนวีร์และศุภณัฐเห็นโอกาสของแบรนด์นี้จากการไปรับประทาน Katsu Midori Sushi ที่ Shibuya พบว่าเป็นร้านซูชิสายพานที่มีคนเข้ามาต่อคิวเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งเป็นคนไทย ก่อนที่จะมาเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ที่ทดลองชิมในญี่ปุ่นในอีกหลาย ๆ รอบ และพบว่าซูชิสายพานแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน แต่ตัดสินใจเลือก Katsu Midori Sushi เพราะคุณภาพของวัตถุดิบ และราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งตอบโจทย์ทิศทางของธุรกิจที่เน้นเข้าถึงลูกค้าด้วยคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา ผ่านร้านอาหารในเครือทุก ๆ แบรนด์

2. ขยายสาขาแบรนด์ในเครือรวม 16 สาขา ให้ความสำคัญกับนักล่าหมูกระทะเป็นหลัก
ในปีนี้เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป มีแผนขยายสาขาผ่าน 3 แบรนด์ในเครือได้แก่ Shinkanzen Sushi, นักล่าหมูกระทะ และ Katsu Midori Sushi รวม 16 สาขา
การขยายสาขาในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับนักล่าหมูกระทะเป็นหลัก ด้วยการเปิดเพิ่มอีก 10 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 12 สาขา
เหตุผลการเทน้ำหนักไปยังการเปิดสาขานักล่าหมูกระทะส่วนหนึ่งมาจากตลาดรวมอาหารญี่ปุ่นในปี 2025 ทรงตัวเมื่อเทียบกับปี2024 แต่ตลาดหมูกระทะเติบโตเป็นอย่างมากจากการเป็นเทรนด์ที่ลูกค้าให้ความสนใจในช่วงที่ผ่านมา
และที่ผ่านมาแบรนด์นักล่าหมูกระทะยังมีสาขาจำนวนไม่มาก แต่ลูกค้าให้ความสนใจรอคิวใช้บริการ ที่ทำให้มองเห็นโอกาสในการขยายสาขาเข้าถึงลูกค้าในทำเลใหม่ ๆ
ตลอดจนนักล่าหมูกระทะเป็นแบรนด์ที่เปิดดึกจนถึงตี 2 ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารับประทานดึกได้
ซึ่งเวลาเปิดของนักล่าหมูกระทะในช่วงดึกตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 2 สามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นกับ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป และที่ผ่านมายอดขายในช่วง 5 ทุ่มถึงตี 2 สร้างสัดส่วนยอดขายเฉลี่ย 10% จากยอดขายตลอดทั้งวัน มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 70% ของพื้นที่ทั้งหมดของร้าน
การเลือกเปิดสาขาของนักล่าหมูกระทะในปีนี้จะเน้นไปยังกรุงเทพฯ เป็นหลัก และเน้นพื้นที่ที่สามารถเปิดให้บริการได้จนดึก เช่นคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นต้น เพื่อเป้าหมาย 40 สาขาในปี 2030
นอกจากการให้ความสำคัญกับการขยายสาขาของนักล่าหมูกระทะ ในปีนี้เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ปยังมีแผนเปิดสาขา
Shinkanzen Sushi เพิ่ม 5 สาขา จากปัจจุบันมี 47 สาขา ใน 11 จังหวัด
ในการเปิดสาขาใหม่ของ Shinkanzen Sushi เน้นไปยังจังหวัดใหญ่เป็นหลัก เนื่องจากการมองเห็นโอกาสจากความสำเร็จในการเปิดสาขาในต่างจังหวัดที่ผ่านมา ที่ลูกค้าให้การตอบรับดี และการเปิดสาขาในต่างจังหวัดจะเป็นการขยายไปยังฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

สำหรับแบรนด์ Katsu Midori Sushi ในปี 2025 มีแผนเปิดเพิ่ม 1-2 สาขา โดยเน้นไปยังศูนย์การค้าชั้นนำ ด้วยไซซ์สาขาพื้นที่เฉลี่ย 300 ตร.ม. เล็กกว่าสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ที่มีพื้นที่ 700 ตร.ม.
การที่ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป เลือกเปิดสาขาของ Katsu Midori Sushi จำนวน 1-2 สาขา เพราะต้องการเตรียมความพร้อมทั้งระบบ พนักงาน และอื่น ๆ ก่อนที่จะขยายเป็น 20 สาขาในปี 2030
ส่วน Nama Japanese and Seafood Buffet ยังไม่มีแพลนขยายสาขาเพิ่ม แต่มีแผนเปิดพื้นที่ในส่วนของ Out Door เพื่อจำหน่ายอาหารในรูปแบบ Izakaya ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
ซึ่งการที่ CRG หรือ Central Restaurants Group เป็นผู้ถือหุ้น 51% ใน เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2565 จะเป็นกำลังที่สำคัญในการหาทำเลในการเปิดสาขาใหม่ ๆ ของแต่ละแบรนด์
3. ขยายครัวกลางสร้างความพร้อมส่งมอบวัตถุดิบส่งตรงไปยังทุกพื้นที่ในทุก ๆ แบรนด์
ในปลายปีที่ผ่านมา เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ได้ขยายพื้นที่ครัวกลางเพิ่มจากพื้นที่เดิม พร้อมกับนำเครื่องมือใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อสร้างความสะดวกและรวดเร็วในการเตรียมวัตถุดิบส่งตรงไปยังร้านอาหารในแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ทุกจังหวัด
การเลือกที่จะใช้ครัวกลางเพียงที่เดียวเนื่องจากความต้องการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบที่มาส่งก่อนส่งต่อไปยังครัวกลางเพื่อเตรียมวัตถุดิบส่งตรงไปยังร้านอาหารในทุก ๆ แบรนด์เพื่อควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบให้มีคุณภาพเดียวกันในทุก ๆ สาขา
โดยการขยายครัวกลางในครั้งนี้ถือเป็นเฟส 3 ของการขยายด้วยงบลงทุน 30 ล้านบาท บนพื้นที่รวมทั้งหมด 3,000 ตร.ม. รองรับการส่งวัตถุดิบถึงสาขาของทั้ง 4 แบรนด์ได้อีก 3 ปี และเป็นครัวกลางที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับสำนักงานใหญ่ของบริษัท
4. แคมเปญโปรโมชั่น, ความแปลกใหม่ของอาหาร, รีแบรนดิ้ง, Collaboration, Mascot Branding และระบบสมาชิกดึงดูดลูกค้า
จากความท้าทายในธุรกิจอาหารบนการแข่งขันท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในปีนี้เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป วางแนวทางดึงดูดลูกค้า เพิ่มความถี่ในการเข้าใช้บริการ ด้วยการจัดเซตเมนูเหมาะสำหรับรับประทาน 1-2 คน ที่มีราคาถูกว่า Bill Per Head หรือยอดขายต่อหัวในเมนูปกติ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ามากขึ้น
รวมถึงการรีแบรนดิ้ง Shinkanzen Sushi ให้ลูกค้าเห็นความแปลกใหม่ด้วยการเน้นไปยังซูชิโรล หน้าใหม่ ๆ ซอสใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมา Shinkanzen Sushi เริ่มพาตัวเองออกจากร้านซูชิ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยเมนูต่าง ๆ เช่นดงบุริ หรือข้าวหน้าต่าง ๆ ของทอด และอื่น ๆ
การที่ Shinkanzen ให้ความสำคัญกับซูชิโรลมาจากการทำ Research และพบว่าลูกค้ามองซูชิโรล เป็นซูชิที่มีความคุ้มค่า เพราะรับประทานอิ่ม
ส่วนนักล่าหมูกระทะให้ความสำคัญกับ Format ใหม่ ๆ และ Format พิเศษดึงดูดลูกค้า
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบสมาชิก (Loyalty Program) เพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำ ที่มีส่วนสำคัญกับการเข้ามาใช้บริการซ้ำ ความถี่มากขึ้น และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ ด้วยระบบสะสมแต้ม และสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก
ซึ่งในปีที่ผ่านมาในเครือเดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป มีความถี่ของลูกค้าและ Bill Per Head ดังนี้
Shinkanzen Sushi
ความถี่ในการใช้บริการ 1 ครั้งต่อเดือน
Bill Per Head 260 บาท
นักล่าหมูกระทะ
ความถี่ในการใช้บริการ 0.8 ครั้งต่อเดือน
Bill Per Head 260 บาท
Nama Japanese and Seafood Buffet
ความถี่ในการใช้บริการ 0.5 ครั้งต่อเดือน
Bill Per Head 1,200 บาท
Katsu Midori Sushi มี Bill Per Head 650 บาท เนื่องจากเป็นแบรนด์ใหม่และรอคิวนานทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการจะรับประทานอาหารให้คุ้มค่ากับการรอ
นอกจากนี้ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ยังนำ Mascot Branding เป็นตัวแทนแบรนด์สื่อสารถึงลูกค้าในรูปแบบต่าง ๆ และ Repersent ตัวตนของแบรนด์ ในการโปรโมตส่งเสริมการขาย หรือกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ที่ต้องการให้มีคนสนใจ รวมถึงมีแผนต่อยอดไปยัง Souvenir เช่น พวงกุญแจ ตุ๊กตา ของที่ระลึกต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์
เช่นการสร้าง Mascot Branding ของนักล่าหมูกระทะ ผ่านน้องหมูน้อยที่มีบุคลิกซุกซน ทำให้แบรนด์มีชีวิตชีวา
Katsu Midori Sushi ผ่าน คัตสึคุง เชฟหมีจากญี่ปุ่นที่มีบุคลิก น่ารัก สุภาพ พร้อมให้บริการกับลูกค้า
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการ Collaboration กับแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ เพิ่มประสบการณ์ที่สดใหม่ ตื่นเต้น และสร้างกระแสให้กับแบรนด์
5. ให้ความสำคัญกับ O2O และ Food Delivery
ในปีนี้ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับช่องทาง O2O (Online to Offline) ด้วยการเพิ่มช่องทางขายไปยังแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, LINE My Shop เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ และช่วยให้ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ผ่านแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น ส่วนลดสินค้าใหม่ แจกคูปองดีลพิเศษ เป็นต้น
และให้ความสำคัญกับช่องทาง Delivery ด้วยการทำแคมเปญโปรโมชั่นกับแพลตฟอร์มจากการมองเห็นพฤติกรรมลูกค้าสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม Food Delivery มีการเติบโตขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสไปยังรายได้ใหม่ ๆ จากลูกค้าสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มอีกด้วย
อย่างไรก็ดี จากกลยุทธ์ต่าง ๆ ในปีนี้ ถือเป็นโอกาสและความท้าทายที่ เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จะต้องก้าวผ่านเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต และรายได้จะเป็นอย่างที่หวังไว้หรือไม่ คงต้องดูกันสิ้นปี
–
Website : Marketeeronline.co /
