Moong Pattana เปิดอินไซด์คุณแม่ยุคนี้ต้องสตรอง อัปเดตพอร์ต ‘พีเจ้น (Pigeon)’ และไม่ได้ขายแต่จุกนม, ขวดนม แต่วางตัวเป็นบริษัท Heart-made Well-being พร้อมเปิดตัว ‘The Book for All Moms’ คลังความรู้ที่รวบรวมความเชี่ยวชาญทางธุรกิจด้านแม่และเด็กที่สั่งสมมากว่า 40 ปี

‘มุ่งพัฒนา (Moong Pattana)’ บริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก ผู้ได้สิทธิ์ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ ‘พีเจ้น (Pigeon)’ ในประเทศไทย ฉายภาพคุณแม่ในยุคสมัยใหม่ผ่าน 4 อินไซต์ โดยมี คุณเมธิน เลอสุมิตรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมให้ข้อมูล
อินไซด์คุณแม่ยุคนี้ต้องสตรอง
ความเป็นแม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคม โดยหัวใจของแม่ยังคงอยู่ที่การเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนเจนเนอเรชั่นที่รับหน้าที่เป็นคุณแม่มากสุด คือ ‘Gen Y (เจนฯ วาย)’ หรือ ‘Millennials (มิลเลนเนียล)’ อายุ 27-42 ปี (เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1980-1997)

ซึ่งนับเป็นเจนฯ ที่ต้องเผชิญกับภาวะ ‘Club Sandwich Generation’ คือ ผู้ใหญ่วัยกลางคนที่เป็นทั้งแม่ของลูก เป็นลูกของแม่ เป็นภรรยาของสามี และดูแลชีวิตตัวเอง จึงต้องแบกรับความคาดหวังและความกดดัน การดูแลสุขภาพจิตของคุณแม่จึงได้รับความสนใจและเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การที่ประเทศไทยเพิ่งประกาศ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ Diversity & Inclusion มากขึ้น ส่งเสริม ‘การเลี้ยงลูกโดยคู่รักเพศเดียวกัน (Same Sex Parenting)’ ให้ขยายตัวมากขึ้นหลังจากนี้
แม่เลี้ยงเดี่ยวก็เป็นแม่ อัตราการหย่าร้างในสังคมไทยสูงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสําคัญที่ทําให้เหล่าแม่เจอความท้าทายมากขึ้น ทั้งการที่ต้องกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน การเป็นเสาหลักในการหารายได้ และการแบ่งเวลาในการเลี้ยงลูกกับการทํางาน การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิด และครอบครัวไม่จําเป็นต้องหมายถึงพ่อแม่และลูกเสมอไป
แม่พิการก็เป็นแม่ ประเทศไทยมีผู้พิการหญิงถึง 48% คิดเป็น 1,076,088 คน โดยส่วนใหญ่เป็นความพิการจากการเคลื่อนไหว ซึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น เพิ่มโอกาสในการมีลูกให้กับคนพิการได้
ธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก
ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นหลังผ่านวิกฤตโรคระบาด แต่เป็นอัตราเติบโตที่ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากจำนวนเด็กเกิดใหม่ในไทยลดลงต่อเนื่อง ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคในตลาดก็ยังคงมีศักยภาพ จากการวางแผนมีลูกของกลุ่มมีกำลังซื้อ พ่อแม่มือใหม่มีความพร้อม และคัดสรรสิ่งที่มีคุณภาพให้ลูกมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กเซกเมนต์พรีเมียมแมสก็ยังคงอัตราเติบโตในระดับซิงเกิลดิจิต
โดยบริษัทวางกลยุทธ์การเติบโตผ่านการสร้างสินค้าที่มีความพรีเมียม, พัฒนาสินค้าใหม่ด้วยนวัตกรรม, เพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ และขยายการเข้าถึงสินค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ต่อเนื่อง วางเป้าปี 2025 ผลประกอบการเติบโตระดับซิงเกิลดิจิต
ศักยภาพ Pigeon ในประเทศไทย
บมจ. มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล ก่อตั้งเมื่อปี 1981 เริ่มได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่าย Pigeon จากประเทศญี่ปุ่นปี 1988 และหลังจากนั้น 2 ปีมีการร่วมกับ Pigeon เพื่อตั้งโรงงานผลิตสินค้าทั้งหมด 2 แห่ง รองรับการทำตลาดในประเทศไทยสัดส่วน 20% และส่งออกไปที่ญี่ปุ่นและตลาดโลก 80%

โดยในกลุ่มสินค้าหลักของตลาดแม่และเด็ก อย่าง ‘สินค้าเกี่ยวกับการให้นม หรือ Total Feeding เช่น จุกนม, ขวดนม’ มีมูลค่าตลาดราว 1,500 ล้านบาท Pigeon มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ราวกว่า 50% นับเป็นอันดับหนึ่งของตลาด
นอกจากโปรดักต์ฮีโร่อย่างจุกนมและขวดนม Pigeon ยังมีสินค้าทำตลาดอื่น ๆ ราว 800 SKUs ครองสัดส่วนเฉลี่ย 20% ต่อมูลค่าการใช้จ่ายสินค้าเพื่อลูกของคุณแม่ต่อครั้ง และไทยยังเป็นอันดับ 3 ประเทศที่มียอดขาย Pigeon สูงสุด เป็นรองเพียง จีนและอินโดนีเซีย
บมจ. มุ่งพัฒนา ไม่ได้มีแค่ Pigeon
ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ทำตลาดอยู่ประมาณ 15 แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค กระจายอยู่ในผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่มหลัก ดังนี้ ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก นำโดยแบรนด์ Pigeon, ของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน, อาหารและเครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงวัย
หากแบ่งตามสัดส่วนรายได้ Pigeon 60%, สินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง 20%, สินค้าแบรนด์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย 20%
ซึ่งตัวอย่างสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองที่ประสบความสำเร็จของบริษัท อาทิ แบรนด์ ‘ฟ็อกกี้ (Foggy)’ อุปกรณ์ฉีดน้ำ ซึ่งเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากว่า 20 ปี และกลายเป็นชื่อสามัญเวลาเรียกสินค้ากลุ่มนี้
The Book for All Moms
บริษัทยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยหัวใจแบบ Heart-made Well-being Company ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพของสินค้า พร้อมไปกับการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดกับสังคม
ทำให้บริษัทเข้าใจผู้บริโภคที่เป็นแม่เป็นอย่างดี บริษัทจึงใช้กลยุทธ์การบูรณาการคอนเทนต์ ‘Integrated Content Marketing’ สร้างความรู้ และประสบการณ์ให้แม่ผ่าน ‘The Book for All Moms’ คลังความรู้ที่รวบรวมความเชี่ยวชาญทางธุรกิจด้านแม่และเด็กที่สั่งสมมากว่า 40 ปีของบริษัท

โดยบริษัทเริ่มต้นคอนเทนต์ในรูปแบบของหนังสือเป็นอย่างแรก ก่อนต่อยอดไปสู่คอนเทนต์ที่มีรูปแบบและภาษาที่หลากหลาย และขยายการเข้าถึงคอนเทนต์ไปถึงแม่ที่มีความต้องการต่อไปในอนาคต
เนื้อหาหนังสือนำเสนอมาในรูปแบบ ‘คุณแม่มุ่งซ้าย คุณลูกมุ่งขวา’ แบ่งเป็น 3 หมวด ครอบคลุม 14 หัวข้อที่มาจากปัญหาที่แม่ต้องเผชิญตามพัฒนาการของลูก ตั้งแต่ 0-6 เดือน 7-12 เดือน และ 1-3 ปี ทำให้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างแม่และลูกน้อย ซึ่งสามารถหาทางแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เช่น แม่เตรียมนมให้ลูกพออิ่ม/ลูกอิ่มนมแม่แบบพอดี, อาหารที่แม่เริ่มเตรียม/อาหารที่ลูกเริ่มกิน, แม่ดูแลฟัน/ลูกฝึกแปรงฟัน เป็นต้น
หนังสือมุ่งให้ความรู้ที่เข้าถึงแม่อย่างเท่าเทียม เนื้อหาอ่านง่าย ตัวอักษรขนาดใหญ่ ภาพวาดประกอบสีสันสดใส พร้อมการใส่อักษรเบรลล์เพื่อช่วยให้คุณแม่ที่พิการทางสายตาสามารถอ่านได้ และขยายเนื้อหาไปสู่รูปแบบอื่น ๆ ในอนาคต ได้แก่ หนังสือเสียง หนังสือออนไลน์ (E-Book) เพิ่มการเข้าถึงได้ง่ายผ่าน QR Code
สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือ The Book for All Moms สามารถอ่านออนไลน์: https://online.fliphtml5.com/lzpeo/tgbr/ และเวอร์ชั่นหนังสือเสียง: https://bit.ly/thebookforallmomsvoice
–
