ในวันนี้ GULF บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวแบรนด์วันอาทิตย์ลงเล่นตลาดโซลาร์บ้าน (โซลาร์เซลล์ตามบ้าน) แบรนด์ภายใต้บริษัท กัลฟ์ 1 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ
การลงเล่นธุรกิจโซลาร์บ้านถือเป็นครั้งแรกของ GULF หลังจากอยู่ในธุรกิจพลังงานให้กับภาคธุรกิจ รัฐวิสาหกิจมาอย่างยาวนาน
เหตุผลที่ GULF ลงเล่นตลาดโซลาร์บ้าน Marketeer มองว่ามาจากการมองเห็นโอกาสหลากหลายประการได้แก่
1. ตลาดโซลาร์เซลล์เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ข้อมูลจาก ttb analytics ที่ผ่านมาพบว่ามูลค่าตลาดโซลาร์เซลล์รูฟทอป (โซลาร์เซลล์ติดบนหลังคา) มีการเติบโตดังนี้
2562 มูลค่า 10,498 ล้านบาท
2563 มูลค่า 12,952 ล้านบาท
2564 มูลค่า 24,664 ล้านบาท
2565 มูลค่า 44,052 ล้านบาท
2566 มูลค่า 57,231 ล้านบาท
2567 มูลค่า 60,623 ล้านบาท
2568 มูลค่า 67,268 ล้านบาท
ซึ่งโซลาร์บ้านเป็นหนึ่งในมูลค่าของโซลาร์เซลล์รูฟทอปทั้งหมด
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Krungsri Research อ้างอิง Mordor Intelligence ได้คาดการณ์ว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งหมดของประเทศไทย ในช่วงปี 2567-2572 จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.2% (CAGR)
สำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟทอปในไทยยังสอดคล้องเทรนด์โลก อ้างอิงข้อมูลจาก Krungsri Research พบว่าการติดตั้งโซลาร์เซลล์รูฟทอปทั่วโลกมีสัดส่วนมากถึง 43.1% ของการติดตั้งทั้งหมดในปี 2566 และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 45.4% ในปี 2573 หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 23.8%
โดยการติดตั้งโซลาร์บ้านโลกมีสัดส่วน 15.2% ในปี 2566 และเพิ่มเป็น 17.4%
ซึ่งสอดคล้องกับรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่คาดการณ์ว่าปี 2573 จำนวนครัวเรือนที่ใช้โซลาร์เซลล์จะมีมากกว่า 100 ล้านครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มี 25 ล้านครัวเรือนเท่านั้น
2. โซลาร์บ้านมีต้นทุนการติดตั้งจากอุปกรณ์ที่มีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเติบโตของจำนวนครัวเรือนที่ติดโซลาร์บ้านผลิตไฟฟ้าใช้เองในช่วงกลางวัน เพื่อแลกกับประหยัดรายจ่ายค่าไฟในระยะยาว จากค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมให้ครัวเรือนติดตั้งโซลาร์บ้านผลิตใช้เอง ด้วยแรงจูงใจรับซื้อไฟฟ้าที่เหลือใช้จากการผลิตในครัวเรือนในอัตราที่สูง
และข้อมูลจาก Krungsri Research พบว่าการรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตจากโซลาร์บ้านยังมีโอกาสที่ครัวเรือนนำไฟฟ้าขายให้กับภาครัฐเพิ่มขึ้น จากใน 9 เดือนแรกของปี 2567 มีการซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์เซลล์ 91.5% จากเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้า 3,692 MW (เมกะวัตต์) ในปี 2567
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่ GULF จะเติบโตบนเส้นทางของโซลาร์บ้านได้ บนการทำธุรกิจในรูปแบบบริการโซลาร์บ้านแบบครบวงจร (One-Stop Service) ที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา และระบบบริหารจัดการพลังงานด้วย AI และ IoT
การเข้ามาลงเล่นของ วันอาทิตย์ เน้นการตลาดเน้นการเข้าถึงลูกค้าผ่าน AIS Shop มากถึง 228 สาขาทั่วประเทศ (ไม่รวมเทเลวิช) พร้อมแคมเปญการตลาดส่วนลด และสินเชื่อผ่อนชำระให้กับลูกค้าที่สนใจ
แต่การเข้ามาทำตลาดของวันอาทิตย์นอกเหนือจากโอกาสยังมีความท้าทายในเรื่องของการแข่งขันในตลาดโซลาร์บ้านที่ในปัจจุบันมีผู้แข่งขันในตลาดจำนวนมากจากบริษัทต่าง ๆ ที่นำเสนอจุดขายในด้านต่าง ๆ และอัตราการคุ้มทุนเมื่อติดตั้ง เพื่อดึงดูดการตัดสินใจของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมีองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักการเลือกแบรนด์ของแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีทั้งแบรนด์ที่มีและไม่มีคุณภาพ และทำให้ผู้ที่เคยติดตั้งโซลาร์เซลล์บางรายเกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีจากแผงโซลาร์ หรือไม่มีองค์ความรู้ในการดูแลรักษาจนเกิดการใช้งานที่สั้นลง และบอกต่อถึงประสบการณ์ทางลบกับผู้อื่นที่คิดจะติดตั้งโซลาร์ตามบ้าน
ซึ่งความท้าทายของโซลาร์บ้านอาจจะเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่จะสร้างการเติบโตให้กับวันอาทิตย์เช่นกัน
อย่างไรก็ดี สำหรับการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนในประเทศไทย ถือเป็นสัดส่วนที่มากถึง 28.3% จากการใช้งานไฟฟ้าทั้งหมด ที่จะกลายเป็นตลาดที่หอมหวนสำหรับโซลาร์บ้านได้ในอนาคตได้เช่นกัน โดยเฉพาะในวันที่โซลาร์บ้านมีจุดคุ้มทุนที่สั้นลง และให้ประสิทธิภาพในการสร้างพลังงานที่สูง บนองค์ความรู้ในการเลือกแผงโซลาร์และการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค
–
