ในยุคนี้นักแสดงคนดังต่างก็หันไปจับธุรกิจ แต่มีไม่กี่รายที่จะเวิร์กและอยู่ได้ยาว ๆ ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว หนึ่งในนั้นคือ “อิน สาริน รณเกียรติ” นักแสดงหนุ่มเจ้าของฉายา ‘ลูกรักพระเจ้า’ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด

ล่าสุด ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่อย่างร้าน “YOLK” ทาร์ตไข่สูตรลับฮ่องกง ทันทีที่เปิดหน้าร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ยืนต่อแถวหน้าร้าน เพื่อจะได้ลิ้มลองรสชาติทาร์ตไข่ฮ่องกง จนภาพคนต่อแถวเต็มร้านกลายเป็นไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ต

จากธุรกิจ Holiday Pastry Group ที่ร่วมสร้างกันมากับพาร์ตเนอร์คนสำคัญ “คุณไท้ วสุวัส คูหาเปรมกิจ” และร้าน เฮ หมูกระทะ ที่กรุ๊ปเข้าไปเป็นหุ้นส่วน กับความตั้งใจใหม่ของกรุ๊ปเดินหน้าสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขนมหวาน

Holiday Pastry Group ยึดวิสัยทัศน์เฟ้นหาสินค้าที่เป็นกระแสอยู่ทั่วโลกหมุนเวียนมาให้คนไทยได้ลิ้มรส เช่น ช็อกโกแลตดูไบ เฟรนช์โทสต์ ชีสเค้ก และตัวล่าสุดที่เห็นศักยภาพคือทาร์ตไข่

นำทาร์ตไข่ฮ่องกงมาพัฒนาสูตรให้เข้ากับคนไทยใช้เวลานานนับปี กว่าจะออกมาเป็นแบรนด์ YOLK เนื่องจากทาร์ตไข่ถือได้ว่าเป็น Global destination ของฮ่องกงที่ได้รับความนิยมระดับโลก ไม่ใช่เพียงเทรนด์ที่มาแล้วไป ประกอบกับมองเห็นโอกาสของตลาดทาร์ตไข่ระดับพรีเมียมในไทย เพราะยังไม่มีเจ้าที่แข็งแกร่งในตลาด

ทาร์ตไข่ยอดขาย 100,000 ชิ้นต่อเดือน

โยล์คเป็นทาร์ตไข่ระดับพรีเมียม ใช้ครัวซองต์อบกรอบด้วยกรรมวิธีพิเศษ เนยหมักบ่มพิเศษ Salted Butter Caramel Sauce และใช้วานิลลามาดาร์กัสการ์จากแหล่งที่ดีที่สุด แล้วนำมาปรับรสชาติให้ถูกจริตคนไทย บางคนที่ได้ชิมจึงบอกว่าถูกใจกว่าไปกินที่ฮ่องกง เพราะผ่านการปรับสูตรมาแล้ว และทาร์ตไข่โยล์คจะมีชิ้นใหญ่ให้ปริมาณมาก จำหน่ายในราคาต่ำร้อยเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ สร้างยอดขายต่อเดือนสูงกว่า 100,000 ชิ้น แต่คาดว่าเมื่อเปิดครบ 7 สาขา ยอดขายจะไปได้ถึง 1 ล้านชิ้นต่อเดือน

ประเดิมสาขาแรก ณ บรรทัดทอง ในเดือนพฤศจิกายนปี 2567 ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พร้อมกับทุ่มงบสร้างครัวกลาง 18 ล้านบาท ก่อนจะขยายสาขาสองมายังเซ็นทรัลเวิลด์

ในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 5 สาขา หนึ่งในนั้นคือแฟลกชิปสโตร์ที่เจริญนคร ทำให้ในปีนี้จะมีสาขารวม 7 แห่ง โดยเน้นทำเลศูนย์การค้าโซน CBD ที่เป็นจุดหมายปลายทางของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของ Holiday Pastry Group มีทั้งชาวไทยประมาณ 60% และชาวต่างชาติ 40%

เลือกสิ่งที่ ‘คลาสสิก’ ไม่ใช่ ‘กระแส’ 

แม้จะเปิดตัวไปตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่โยล์คกลับกระแสไม่ตก มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติมาต่อคิวรอทุกวัน Key Success ง่าย ๆ ที่คุณอินตระหนักถึงเสมอในการทำธุรกิจ คือ ความคลาสสิกเหนือกาลเวลา และเหนือกระแส

“พอขายสินค้าในกระแสมันจะถูกผูกอยู่กับเทรนด์ ซึ่งเทรนด์ทุกวันนี้มาแล้วไปไวมาก แต่สินค้าของเรากลับยังอยู่ได้ เพราะเราเลือกสิ่ง ‘คลาสสิก’ ไม่ใช่ ‘ไวรัล’ ต้องแยกให้ออกระหว่างสินค้าเทรนด์กับคลาสสิก สินค้าเทรนด์มี S-Curve ที่ค่อนข้างสั้น เฉลี่ยประมาณสองเดือนเท่านั้น แต่สินค้าคลาสสิกผ่านไปกี่ปีคนก็ยังจดจำและขายได้ตลอด เพียงแต่รอให้คนปลุกเทรนด์ขึ้นมา และทาร์ตไข่ก็เป็นความคลาสสิกที่ว่านั้น”

ยิ่งขายดี ยิ่งรอนาน ยิ่งน่าเบื่อ

โยล์คในวันแรกมีคนมาต่อคิวแน่นร้าน เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจ้าของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับลูกค้า เพราะเมื่อการรอคิวใช้เวลานานเท่าใด จากที่เป็นผลดีก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน บางทีกลายเป็นกระแสตีกลับว่าลูกค้าอยากรับประทานมาก แต่ต้องรอคิวนานเกิน ร้านผลิตไม่ทัน เกิดเป็นความรําคาญใจ และรู้สึกไม่ดีต่อแบรนด์ โยล์คจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์หน้าร้านอย่างรัดกุม ซึ่งระยะเวลาหน้าร้านที่บริษัทพยายามบริหารจัดการคือไม่ให้ลูกค้ารอเกิน 15-30 นาที

“วันแรกที่เปิดขายเพียงหนึ่งสัปดาห์กระแสก็ถูกจุดติด คนมารอหน้าร้าน จนบริษัทก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน ซึ่งกระแสมันมาจากการบอกต่อกันปากต่อปากใน TikTok เกิดเป็นการรีวิวร้านทาร์ตไข่เปิดใหม่ในบรรทัดทอง จนคนแห่มาตามรอย ถือเป็นการเติบโตแบบออแกนิกหรือฟรีพีอาร์”

ในโลกธุรกิจ ตัวเล็กไวกว่า

F&B เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แต่ข้อได้เปรียบหนึ่งของ Holiday Pastry Group คือ การเป็นคนตัวเล็ก เคลื่อนตัวได้ไว เพราะทุกวันนี้แข่งกันที่การทำงานด้วยความไวแสง กระแสอะไรมาแบรนด์เล็กจะจับได้ไว เพราะนับวัน Life cycle ของสินค้ายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆ ในอดีตอาจจะอยู่ได้หนึ่งปี แต่ปัจจุบัน 60-90 วันเท่านั้น กระแสก็ซาลงแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมาร์เก็ตติ้งต้องไว

ช่องทางออนไลน์มีครบทุกแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส TikTok Shop, Affilate, Pre-order Line ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็ว แม้มีหน้าร้านออฟไลน์ไม่มากก็ตาม

ซึ่งช่องทางออนไลน์สร้างยอดขายมาเป็นอันดับหนึ่งราว 60% ขณะที่ออฟไลน์สโตร์อยู่ที่ 40% แต่ในช่องทางเดลิเวอรีอยู่ที่ 20% ซึ่งนับว่าสูงมาก สเปนดิ้งอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อบิล เฉลี่ย 3 ชิ้นต่อคน

ความฝันใหม่กับการก่อร่าง The Holiday Group ผู้เชี่ยวชาญด้านขนม

จากธุรกิจในมือที่มีทั้งแบรนด์อาหารคาวและอาหารหวาน ก้าวต่อไปบริษัทตั้งใจอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขนมหวานในวงการ F&B เพราะคุณสารินมองว่าทุกวันนี้การทำธุรกิจต่างจากสิบปีที่แล้ว เมื่อก่อนแบรนด์หนึ่ง ๆ จะต้องขายทุกอย่างเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ แต่ปัจจุบันแบรนด์ไม่จำเป็นต้องจับฉ่าย แต่ต้องเชี่ยวชาญในสิ่งที่กำลังทำ สรุปคือต้องไว ต้องกว้าง แต่ก็ต้องรู้จริงในเรื่องนั้น

จากบทบาทนักแสดงหันมาให้น้ำหนักกับเส้นทางธุรกิจ

คุณสารินกล่าวว่า ปัจจุบันเขาทุ่มน้ำหนักให้ธุรกิจ 90% การแสดง 10% เท่านั้น แต่การที่ลูกค้าพบเจอเขาได้ในซีรีส์เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการช่วยด้านการตลาดที่สอดคล้องกับ CEO Branding แม้ในตอนแรกจะไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้ตัวเองถูกผูกติดอยู่กับแบรนด์

แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาเขาเริ่มเห็นว่าแบรนด์แข็งแรงมากพอแล้ว จึงค่อยพาตัวเองมาเป็นเพียงหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนแบรนด์ เพราะเหมือนกับแบรนด์ได้จ้างพรีเซนเตอร์ แต่ใช้ตัวเขาเป็นพรีเซนเตอร์เอง เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างเป็นสปริงบอร์ดแก่กันได้หมด

“วันแรกที่เริ่มธุรกิจถามว่ายากไหม ยากนะ เราไม่มีความรู้ด้านมาร์เก็ตติ้งหรือ data analysis เลย และผมต้องทำทุกอย่างเอง ยังไปเลือกไซซ์ท่อ นั่งตักบ่อไขมันเองอยู่เลย แต่การเรียนสถาปัตย์มาก็ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจ เพราะทำให้เราเข้าใจเรื่องของ Art direction แล้วก็ Branding ทุกอย่างมันคือวิชาชีวิต ทุกอย่างที่ไม่รู้ก็ได้รู้ ต้องขอบคุณพาร์ตเนอร์พี่ไท้ที่คอยเป็นที่ปรึกษา เหมือนครูที่คอยถ่ายทอดวิชา”

ปีที่ 6 กับก้าวใหม่

แผนการตลาดปี 2568 จะมาพร้อมมาร์เก็ตติ้งแคมเปญ collaboration เตรียมจับมือกับ SME ออกโปรดักส์รสชาติพิเศษไม่ต่ํากว่า 5 รสชาติ เริ่มต้นด้วยทาร์ตไข่โมจิสด ที่จับมือกับ MTCH แบรนด์มัจฉะสเปเชียลตี้ โดยจากนี้จะปล่อยรสชาติพิเศษทุก ๆ สองเดือนตลอดทั้งปี

“ที่ผ่านมาเพื่อน ๆ SME ของเราเริ่มล้มหายจากไปทีละคน เพราะการเข้ามาของแบรนด์จีน พอลงไปสู้ในสงครามราคาไม่ไหวก็หายไประหว่างทาง ซึ่งเราไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”

ช่วงไตรมาสสามเป็นต้นไป จะลอนช์ Mega Project Collaboration กับ 3 แบรนด์ไทยที่เป็นโมเดิร์นแบรนด์ SME ด้วยกัน เพื่อเสริมแกร่งสู้กับแบรนด์นอกที่เข้ามาบุกตลาดไทย พร้อมทั้งเป็นโอกาสอันดีในการสร้าง awareness และหากลุ่มลูกค้าใหม่

ตลอดจนการทำ Local Marketing สร้างกระแสในโลกโซเชียล สร้างแบรนด์เลิฟจากคอนเทนต์ รวมถึงขยายไปในช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นลำดับต่อไป และนำแบรนด์จากเมืองนอกในเอเชียเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น เนื่องจากรสชาติใกล้เคียงกัน ไม่ต้องปรับมาก ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้านำแบรนด์ไทยออกสู่ต่างแแดน

บทเรียนบนเส้นทางธุรกิจ 6 ปี

คุณสารินกล่าวทิ้งท้ายว่า ประสบการณ ์ 5 ปี ที่ได้สั่งสมมาในวงการ F&B บทเรียนสำคัญ คือ สอนให้รู้ใจผู้บริโภค ต้อง Up to Trend ตลอดเวลา และสอนให้เป็นคนไว เวลาลอนช์โปรดักส์ต้องทำให้ไว คุณภาพต้องสม่ำเสมอ มากไปกว่านั้นคือต้องพยายามเป็น ‘Trend Setter’ ไม่ใช่ ‘Trend Follower’

“แม้จะเป็นปีแรก แต่จากที่ดูโมเมนตัมในปีนี้ มั่นใจว่า YOLK จะสามารถทะลุร้อยล้านได้ แต่ในส่วนของ Holiday Pastry ปีนี้เกิน 150 ล้านบาทอย่างแน่นอน”

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer