กูลิโกะขนมแคร็กเกอร์สัญชาติญี่ปุ่น เปิดเป้าปี 2025 เติบโตดับเบิลดิจิต ในตลาดบิสกิตไทยแข่งเคี้ยวกรุบ 1.7 หมื่น ลบ. วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดเข้าถึงลูกค้าทุกเจเนอเรชั่น และกลุ่มนักท่องเที่ยว

| ตลาดบิสกิต 1.7 หมื่นล้าน
กูลิโกะจะเติบโต ต้องเคี้ยวกรุบทุกเจนฯ และ นทท. |
|
| มูลค่าตลาดบิสกิตไทย ปี 2024 | 17,000 ล้านบาท (+10%) |
| เซกเมนต์ในตลาด | มูลค่าตลาด / ล้านบาท |
| แคร็กเกอร์ | 7,000 (+8%) |
| คุกกี้ | 5,000 (+13%) |
| เวเฟอร์ | 5,000 (+8%) |
| ที่มา: นีลเส็น, เม.ย. 2025 | |

คุณเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย กูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า ตลาดบิสกิตไทย กูลิโกะยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด ในเซกเมนต์แคร็กเกอร์ การแข่งขันในตลาดยังคงเข้มข้น ปัจจุบันมีผู้เล่นไม่ต่ำกว่า 50 แบรนด์ ประเมินปี 2025 ภาพรวมตลาดก็จะยังเติบโตต่อเนื่อง
กูลิโกะ ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในตลาดบิสกิต ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 และเติบโตอย่างมั่นคงในฐานะตลาดที่สำคัญของกูลิโกะในอาเซียน ปัจจุบันมีกลุ่มสินค้า 2 กลุ่มหลัก ภายใต้หลากหลายแบรนด์ ประกอบด้วย
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนม ได้แก่ ป๊อกกี้, พีจอย, เพรทซ์, ไจแอนท์ คาปุลิโกะ, โคลอน, ทีนนี่, แอลฟี่
2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ Health & Wellness ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ภายใต้แบรนด์อัลมอนด์ โคกะ
กูลิโกะ ประเทศไทย ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 55 ในปีนี้ นอกจากการให้ความสำคัญกับฐานลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนทำงาน ยังมองไปถึงตลาดใหม่ ๆ ทั้งกลุ่ม Gen Z, Gen Alpha กลุ่มคนรักสุขภาพ ตลอดจนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองผลิตภัณฑ์กูลิโกะที่จำหน่ายเฉพาะในไทยเป็นของฝาก
ซึ่งในปี 2025 กูลิโกะ ประเทศไทย ตั้งเป้าเติบโตดับเบิ้ลดิจิต โดยเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ Overseas ของบริษัท เอซากิ กูลิโกะ (บริษัทแม่กูลิโกะในญี่ปุ่น)
กลยุทธ์การดำเนินงาน แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ขนม
สร้างการรับรู้แบรนด์พีจอยให้มากขึ้น ขณะที่แบรนด์ซึ่งติดตลาดอยู่แล้วอย่างป๊อกกี้, เพรทซ์ บริษัทยังคงเพิ่มทางเลือกเรื่องสุขภาพผ่านแท่งบิสกิตโฮลวีต ตลอดจนการสร้างความแปลกใหม่และสีสันให้ตลาด ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อีกราว 8-10 รายการในปีนี้
เดินหน้าสร้างการรับรู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านกิจกรรมคิวอาร์โค้ดหน้ากล่อง อาทิ เกมส่งเสริมการเรียนรู้, กิจกรรมพาร์ตเนอร์กับแบรนด์เกมหรือศิลปินรุ่นใหม่ จัดงานออนกราวด์ต่อเนื่องอย่าง ป๊อปอัป สโตร์ ป๊อกกี้ คาเฟ่ (Pocky Café)
เตรียมเปิดตัวกูลิโกะรสชาติโลคอลในช่วงปลายปี เพื่อเจาะกลุ่มทั้งตลาดในประเทศ ตลาดนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อเป็นของฝาก

ผลิตภัณฑ์ Health & Wellness
ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่ม B2C สู่การบุกตลาด B2B มากยิ่งขึ้น ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์ โคกะรสชาติต่าง ๆ ไปยังร้านคาเฟ่และคอฟฟี่เชน ที่มีสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องใช้นมอัลมอนด์เป็นส่วนผสม รวมถึงพิจารณาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมทั้งจัด Event Marketing ดึงดารา-เซเลบ จัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ ตอกย้ำตำแหน่งของแบรนด์

ตลอดปี 2025 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแพลนกลยุทธ์ที่วางไว้แล้วหลายด้าน อาทิ การจับมือ Butterbear ทำสินค้าพรีเมียมที่ระลึก การใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค ทั้งการเพิ่มสารอาหารและลดโซเดียมในผลิตภัณฑ์ขนม การออกผลิตภัณฑ์ Limited Edition อย่าง Pocky Rose รวมถึงการจัด Event Marketing อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เตรียมปล่อยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ เพรทซ์ รสแกงเขียวหวานไก่ ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของเอซากิ กูลิโกะ ต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก โดยเป็นก้าวแรกของบริษัทแม่ในการสร้างธุรกิจระหว่างประเทศ เป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มี R&D Center เป็นของตัวเอง รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญ คิดเป็นสัดส่วน 50% โฟกัสตลาดในภูมิภาคและสหรัฐอเมริกา และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 50%

ซึ่งบริษัทขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิตหลัก คือโรงงานบางกะดี ปริมาณ 2.8 เมกะวัตต์พีก (MWp) ต่อวัน ซึ่งติดตั้งเสร็จสิ้นและเริ่มดำเนินงานเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดว่าจะลดปริมาณคาร์บอนได้อย่างน้อย 1,700 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% ภายในปี 2030
–
