ตลาดทีวีปี 2568 เติบโต 2% คิดเป็นมูลค่า 21,100 ล้านบาท เป็นการเติบโตหลังจากตลาดหดตัวต่อเนื่องถึง 2 ปี

  • ปี 2565 มูลค่า 23,300 ล้านบาท เติบโต 0.5%

  • ปี 2566 มูลค่า 21,100 ล้านบาท ลดลง 8.5%

  • ปี 2567 มูลค่า 20,700 ล้านบาท ลดลง 2.6%

การหดตัวของตลาดทีวีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเพราะราคาจำหน่ายต่อเครื่องมีการปรับตัวลง การลงเล่นตลาดของแบรนด์จีนที่เน้นด้านราคา เข้าถึงผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อทีวีจากราคาเป็นหลัก ส่วนจำนวนยอดขายแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งเมื่อมองลึกลงไปในตลาดทีวีที่ผ่านมา พบว่าภายใต้ตลาดที่หดตัวลง ยังคงมีเซ็กเมนต์พรีเมียม-หน้าจอขนาดใหญ่ ที่มีราคาจำหน่ายมากกว่า 30,000 บาท ที่ยังคงเติบโต
และเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องไปในอนาคต เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จนแบรนด์ทีวีในกลุ่ม Mid-High End ให้ความสำคัญในการสร้างยอดขายจากตลาดนี้มากขึ้นตามมา

โดยข้อมูลจากแอลจีพบว่า
ทีวีกลุ่ม OLED ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์พรีเมียม มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกปี

  • ปี 2565 มูลค่า 919 ล้านบาท เติบโต 42.1%

  • ปี 2566 มูลค่า 1,050 ล้านบาท เติบโต 14.1%

  • ปี 2567 มูลค่า 1,143 ล้านบาท เติบโต 9.0%

  • ปี 2568 มูลค่า 1,300 ล้านบาท เติบโต 13%

และทีวีหน้าจอใหญ่ขนาด 75 นิ้วขึ้นไปก็เช่นกัน

  • ปี 2566 มูลค่า 2,382 ล้านบาท เติบโต 11.2%

  • ปี 2567 มูลค่า 2,725 ล้านบาท เติบโต 14.4%

  • ปี 2568 มูลค่า 3,000 ล้านบาท เติบโต 10.0%

ทำให้เห็นว่าทีวีพรีเมียมและจอใหญ่ กลายเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนตลาดทีวีปี 2568 กลับมาเป็นบวกอีกครั้งจากมูลค่าตลาดที่ใหญ่ขึ้น

ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ผลักดันการเติบโตให้กับตลาด 2 ประการ ได้แก่

  1. ผู้บริโภคที่นิยมเปลี่ยนทีวีเครื่องใหม่เร็วขึ้นจากเดิม 6-7 ปีต่อเครื่อง เป็น 4-5 ปีต่อเครื่อง ซึ่งการเปลี่ยนทีวีที่เร็วขึ้น เป็นการเปลี่ยนจากเทคโนโลยีและขนาดหน้าจอ ที่แบรนด์ทีวีต่างๆ พัฒนาออกมาเพื่อกระตุ้นความอยากของผู้บริโภคให้หันมาซื้อทีวีเครื่องใหม่ แม้เครื่องเก่ายังคงใช้งานได้อยู่ เพื่อเข้าถึงภาพ เสียง และเทคโนโลยีที่ดีกว่า
    และเทคโนโลยีของทีวีในกลุ่มพรีเมียมในปีนี้ แบรนด์ผู้ผลิตทีวีต่างนำ AI TV เข้ามาเป็นจุดขายในแบบฉบับของตัวเอง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเพื่ออัปเกรดการใช้งานที่ชาญฉลาดมากขึ้นจากทีวีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

  2. ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับการดูคอนเทนต์สตรีมมิ่งผ่านทีวี เนื่องจากเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถดูผ่อนคลายในอิริยาบถต่างๆ ได้ และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคอนเทนต์สตรีมมิ่งมีการพัฒนาคอนเทนต์ที่มีความสนุก สามารถสร้างความบันเทิงได้เต็มรูปแบบผ่านการรับชมบนทีวี ที่จุดประกายให้ผู้บริโภคอยากซื้อทีวีเพื่อชมคอนเทนต์ต่างๆ

จากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา จึงเป็นเหตุผลที่ อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว AI TV เจาะกลุ่มพรีเมียมและจอใหญ่ 4 ซีรีส์ 16 รุ่น ผ่านหน้าจอ OLED (Organic Light-Emitting Diode: พิกเซลบนจอสามารถเปล่งแสงได้เอง) และ QNED (Quantum Nano-Emitting Diode: เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างหลอดไฟขนาดเล็ก Mini LED Backlight และฟิลเตอร์ช่วยเพิ่มสีสัน NanoCell เข้าด้วยกัน) ในขนาดจอเริ่มต้น 42-100 นิ้ว ระดับราคาตั้งแต่ 29,990 – 999,990 บาท
เพื่อเป็นหนึ่งในการสร้างการเติบโตและส่วนแบ่งตลาดทีวีให้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 17% เป็น 18% ในปีนี้

ภายใต้การเติบโตที่วางไว้ แอลจีใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท ผ่านกลวิธี 3 ประการ ได้แก่

  1. ความสำคัญไปยังหน้าร้านที่เป็น Traditional Trade เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ผู้บริโภคนิยมเข้ามาเปรียบเทียบสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะทีวีในกลุ่มพรีเมียมที่ส่วนใหญ่สามารถปิดการขายได้จากช่องทางหน้าร้าน
    และแอลจีปรับเปลี่ยนเน้นการโชว์สินค้าภายใต้แนวคิด AI Experience นำเสนอเทคโนโลยี TV AI ไซซ์ขนาด 75 นิ้วขึ้นไป พร้อมผู้เชี่ยวชาญแนะนำการใช้จริง เพื่อให้เห็นถึงเทคโนโลยี และเกิดความต้องการซื้อทีวีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าที่เคยตั้งใจไว้

  2. ทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรด้านคอนเทนต์ เช่น แคมเปญระดับโกลบอล LG Streaming Week ให้ส่วนลดกับลูกค้าแอลจีในการสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิ่งต่างๆ

  3. เน้นสื่อดิจิทัล ปรับคอนเทนต์และข้อเสนอให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงจัดทำวิดีโอรีวิวสินค้าในรูปแบบไลฟ์สไตล์และฟีเจอร์ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า

ซึ่งภายใต้กลยุทธ์และกลวิธีบุกตลาดของแอลจีในปีนี้ ยังคงมีความท้าทายที่สำคัญจากการแข่งขันของคู่แข่งแบรนด์เกาหลีอย่างซัมซุง ที่มุ่งเน้น AI TV ในกลุ่มพรีเมียม ผ่านสินค้ารุ่นต่างๆ ที่เปิดตัวในปีนี้ เพื่อเป็นหนึ่งในการรักษาความเป็นผู้นำ และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีก 1-2% จากในปัจจุบันที่มีอยู่ 30.1% ให้ได้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer