คานิว่า รุกหนักเจาะ Gen Z ดันรายได้ปี 2568 โต 30% พร้อมเปิดตัว “วง BUS” เป็นพรีเซ็นเตอร์

บริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ “คานิว่า” ประกาศเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2568 ที่ระดับ 30% โดยมาจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รักของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ผู้บริหารมองว่าเป็น “ผู้บริโภคอนาคต” ที่มีศักยภาพสูง

จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฎ์ กรรมการบริหารของบริษัทฯ ระบุว่า Gen Z เป็นกลุ่มที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดในเจเนอเรชันเดียวกัน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมบริโภคชัดเจนและมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักเดิมของคานิว่าคือกลุ่ม Gen Y

เพื่อขยายฐานสู่ Gen Z อย่างจริงจัง คานิว่าจึงเพิ่มงบการตลาดปีนี้มากถึง 250% จากปีก่อน พร้อมแต่งตั้ง 12 หนุ่มจากวง BUS (Because of Your I Shine) ขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ เปิดตัวแคมเปญใหม่ “การที่ได้เจอใครที่เหมือนเราคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต” โดยเปรียบเทียบคาแรกเตอร์ของสมาชิกแต่ละคนกับสัตว์เลี้ยง 12 สายพันธุ์ สื่อถึงความแตกต่างที่ลงตัว

วง BUS ถูกเลือกเพราะเป็นไอคอนของกลุ่ม Gen Z และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Gen Alpha ได้ ด้วยพลังของฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นอย่าง Beus ซึ่งคานิว่าหวังว่าจะช่วยปลูกฝังแบรนด์ในใจตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อให้กลุ่มนี้เลือกคานิว่าเป็นแบรนด์แรกเมื่อพร้อมเลี้ยงสัตว์ของตัวเอง

แคมเปญนี้ใช้สื่อ Out of Home มากกว่า 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ เช่น บน BTS, MRT, LED และ Billboard พร้อมกิจกรรม Kaniva Petstival ที่พาร์คพารากอน และจำหน่าย Box Set ที่ออกแบบร่วมกับวง BUS เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมและยอดขายในกลุ่มแฟนคลับ โดยได้รับการตอบรับที่ดีในโลกโซเชียลผ่านคำถามชวนคิด เช่น “สัตว์เลี้ยงตัวไหนที่เหมือน BUS คนนี้?”

ขณะเดียวกัน คานิว่าก็ยังเดินหน้าขยายช่องทางจัดจำหน่าย จากเดิม 6,000 จุด เป็น 6,200 จุด ครอบคลุมทั้งร้านค้า รีเทล ออนไลน์ โรงพยาบาลสัตว์ และคลินิก เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในทุก Touchpoint

สำหรับตลาดต่างประเทศ คานิว่าตั้งเป้าขยายจาก 15 ประเทศ เป็น 20 ประเทศ โดยโฟกัสที่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เพื่อหนุนเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้

คานิว่า: จากแบรนด์อาหารแมว สู่แบรนด์ไทยในตลาดสัตว์เลี้ยงที่เติบโตเร็วที่สุด

คานิว่า เป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงในเครือบริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2563 ด้วยผลิตภัณฑ์อาหารแมว ก่อนจะขยายเข้าสู่ตลาดอาหารสุนัขในปี 2566 โดยมีกลยุทธ์หลักคือการสร้างแบรนด์ผ่าน Music Marketing, การขยายช่องทางจัดจำหน่าย, จัดกิจกรรมทางการตลาด และบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในแง่รายได้และการรับรู้ในตลาด

จากข้อมูลผลประกอบการที่รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า คานิว่ามีรายได้เติบโตทุกปี ดังนี้:

  • ปี 2563 รายได้รวม 4.90 ล้านบาท ขาดทุน 0.77 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้รวม 150.56 ล้านบาท กำไร 12.20 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้รวม 442.92 ล้านบาท กำไร 39.64 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้รวม 909.13 ล้านบาท กำไร 92.42 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้รวม 1,167.13 ล้านบาท กำไร 84.49 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ คานิว่าเริ่มบุกตลาดในปี 2565 โดยเปิดตัวผ่านการออกบูธในอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก ปัจจุบันส่งออกไปแล้วกว่า 15 ประเทศ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยมีผลประกอบการดังนี้:

  • ปี 2566 รายได้รวม 9.92 ล้านบาท กำไร 1.66 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้รวม 24.93 ล้านบาท ขาดทุน 0.76 ล้านบาท

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ทั้งในไทยและต่างประเทศ สะท้อนถึงความสามารถในการขยายตลาดของคานิว่า และการสร้างแบรนด์ไทยให้แข็งแรงในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่กำลังแข่งขันสูงในปัจจุบัน

คานิว่า: ธุรกิจที่เริ่มต้นจากแมวชื่อเบคอน

จารุวัฒน์ เลาหวิศิษฎ์ เริ่มต้นธุรกิจจาก Pain Point ส่วนตัวในการเลี้ยงแมวตัวแรกชื่อ “เบคอน” ตอนเป็นนักศึกษาปี 2 โดยไม่มีความรู้เรื่องอาหารแมว และได้รับคำแนะนำจากร้าน Pet Shop ว่า “อาหารที่ดีคืออาหารที่แพง” ซึ่งไม่ตอบโจทย์เขาในตอนนั้น

จากจุดเริ่มนั้น เขากับพี่ชายจึงลงทุน 2 ล้านบาท เปิดร้านจำหน่ายสินค้าและให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ก่อนต่อยอดมาสู่อาหารสัตว์แบรนด์ “คานิว่า” ภายใต้แนวคิด “อาหารดีไม่จำเป็นต้องแพง” โดยเลือกใช้รูปแบบจ้างผลิต และใช้ทุนเพียง 1 ล้านบาทในการเริ่มต้น

ผลิตภัณฑ์แรกคืออาหารแมวสูตรไม่มีข้าวโพดและกลูเตน เพราะแมวของเขาแพ้วัตถุดิบเหล่านี้ ก่อนขยายสู่สูตรอื่นๆ และผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขตามมาในภายหลัง

แม้งบการตลาดจำกัด แต่คานิว่าเลือกใช้ Music Marketing สื่อสารแบรนด์ผ่านเพลง “คานิว่า กินแล้วขนสวยเงางาม และอร่อยถูกใจคนรู้ใจแมว” ผ่านคลื่นวิทยุ ก่อนขยายไปยังสื่อ ณ จุดขาย และพัฒนาเป็นเพลงใหม่สำหรับอาหารสุนัข รวมถึงกิจกรรมแจกสินค้าทดลองตามสถานที่เดินเล่นของผู้เลี้ยง

ปัจจุบัน ยอดขายของคานิว่ามาจากอาหารแมว 90% และอาหารสุนัข 10% โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนอาหารสุนัขเป็น 25% เพราะพฤติกรรมผู้เลี้ยงสุนัขมี Brand Loyalty สูง ซื้อซ้ำแบรนด์เดิมสม่ำเสมอ ตรงข้ามกับตลาดแมวที่มีพฤติกรรมเลือกอาหารและเปลี่ยนแบรนด์บ่อย

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโตต่อเนื่อง รับเทรนด์คนโสด-ไม่มีลูกเลี้ยงสัตว์แทน

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้จะแข่งขันสูง เพราะแบรนด์ต่างๆ มองเห็นโอกาสจากเทรนด์ Pet Humanization ที่คนหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนโสดมีรายได้ (SINK) และคู่รักไม่มีลูก (DINK)

ข้อมูลจาก KResearch ระบุว่า มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยเติบโตจาก 18,000 ล้านบาทในปี 2563 มาอยู่ที่ 36,000 ล้านบาทในปี 2567 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 41,000 ล้านบาทในปี 2568 และ 46,000 ล้านบาทในปี 2569

ในปี 2567 มีผู้ประกอบการในธุรกิจนี้แล้วกว่า 317 ราย ต่างใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อชิงส่วนแบ่งจากผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงซับซ้อนและเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer