ตลาดสินค้าลักชัวรีในไทย กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปี 2024 มูลค่าตลาดประมาณ 142,208 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยราว 6% ต่อปีไปจนถึงปี 2028 ซึ่งจะทัดเทียมตลาดหลักของภูมิภาคอย่างสิงคโปร์ และฮ่องกง อ้างอิง Jing Daily

ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดสินค้าลักชัวรีในไทย มาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงที่วางไทยเป็นจุดหมายสำคัญ สำหรับการช้อปปิ้งสินค้าหรูในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ ภูเก็ต ก็มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องของกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ ในการพัฒนาพื้นที่ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าของตนเอง ให้มีโซนสินค้าหรูมากขึ้น

ตลาดสินค้าลักชัวรีในไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการในประเทศ โดยเฉพาะ Gen Z (อายุ 11-26 ปี) กับ Gen Y (อายุ 27-42 ปี) ที่ได้รับอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียและวัฒนธรรมป๊อป ซึ่งทำให้พวกเขามีความสนใจในสินค้าแฟชั่นและต้องการสะท้อนสไตล์ของคนที่ชื่นชอบ

คุณนพนริศร์ เลียวพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Group Z International กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤตโรคระบาด ประเมินแบรนด์หรูที่เข้ามาทำตลาดสินค้าลักชัวรีในไทย เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ทั้งแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดโดยตรง และดิสทริบิวเตอร์ 

เฉพาะแบรนด์แฟชั่น, นาฬิกา และเครื่องประดับ คาดว่าตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2568 จนถึงไตรมาส 2 ปี 2569 จะมีแบรนด์สามกลุ่มนี้เข้ามาทำตลาดสินค้าลักชัวรีในไทย รวมแล้วไม่ต่ำกว่าสิบแบรนด์ 

เทรนด์ตลาดสินค้าลักชัวรีในไทย ยังพบว่าปัจจุบันฐานลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ, ภูเก็ต หรือหัวเมืองใหญ่อื่น ๆ แต่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ตอนนี้ตลาดพัฒนาไปไกลกว่าแค่ Physical retail 

ทั้งกลุ่มซิลเวอร์ เจนเนอเรชั่น (อายุ 45 ปีขึ้นไป) ซึ่งมีกำลังซื้อสูง ก็เริ่มคุ้ยเคยกับการใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้นหลังวิกฤตโรคระบาด แบรนด์หรูจึงหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลและโซเชียลมีเดียอย่างจริงจังเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยแบบไร้รอยต่อ 

นอกจากนั้น ช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา จะพบว่าหลายแบรนด์หรูเริ่มวางตำแหน่งแบรนด์เข้าสู่ตลาดร้านอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบคาเฟ่, ป๊อปอัพสโตร์, คอลแล็บส์เมนูพิเศษ เพื่อขยายการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น สร้างความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพจะกลายเป็นลูกค้าหลักในอนาคต

กลยุทธ์การขยายสู่ตลาดร้านอาหารและเครื่องดื่มของแบรนด์หรู ยังพบว่ามักวางตำแหน่งอยู่ในทำเลที่มีแทรฟฟิก Gen Z และ Gen Y อาทิ ย่านอารีย์, ย่านทรงวาด สอดรับเทรนด์คาเฟ่ฮอปเปอร์ของคนรุ่นใหม่ 

โดยจากเทรนด์ต่าง ๆ ของตลาดสินค้าลักชัวรีในไทย Group Z International ผู้นำด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ธุรกิจลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย จึงประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ IMAG Marketing ผู้นำด้านเทคโนโลยีจากไต้หวัน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ ‘ZEXP’ หรือ Z Experience เพื่อปฏิวัติแนวทางการทำการตลาดเชิงรุก ยกระดับประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภค อีกทั้งยังสามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการสามารถบริหารกลยุทธ์การจัดจำหน่ายสินค้าและการตลาดได้แบบเรียลไทม์

การจับมือครั้งนี้ถือเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างศาสตร์การเล่าเรื่องแบรนด์แบบลักชัวรีกับนวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะผ่าน Line Marketing เนื่องจาก Line จะเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในฐานะแพลตฟอร์มหลักที่เชื่อมโยงแบรนด์กับผู้บริโภคได้แบบเฉพาะบุคคล (Personalisation) โดยเฉพาะในหมวดแฟชั่น เครื่องประดับลักชัวรี และธุรกิจความงาม 

ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจนอนลักชัวรี (Non luxury) ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นไลฟ์สไตล์ บิวตี้ และร้านอาหาร คาเฟ่ ก็จะได้รับแรงส่งจากโมเดลใหม่นี้อย่างกว้างขวาง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนหลายพันล้าน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้ Line ถึง 56 ล้านคนในประเทศไทย ตอบรับกระแสการขยายตัวของสินค้าไฮเอนด์ รวมถึงแพลตฟอร์ม Ecommerce ที่เพิ่มขึ้น

โดย ZEXP จะมอบโซลูชันการตลาดเจนเนอเรชันใหม่ ให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์แบบรู้ใจและสื่อสารกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่าน Line เพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำและยอดขายที่ตรวจวัดได้จริง


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer