ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกในเดือนมิถุนายน 2568 ยังคงปรับลดลงในทุกองค์ประกอบ ทุกภูมิภาค ทั้งยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จ ความถี่ในการใช้จ่าย โดยคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 3 สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวและยังคงระมัดระวังในการจับจ่าย
ท่ามกลางปัญหาระดับโลกและระดับประเทศที่ถาโถม ไม่มีใครคาดได้แน่ชัดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นเมื่อไร นักธุรกิจหลายรายจึงเริ่มแสดงความเห็นว่า ปีนี้อาจเป็นปีที่ดีที่สุดแล้ว หากเทียบกับ 4–5 ปีข้างหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

แต่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กำลังมีศูนย์การค้าใหม่รอเปิดต่อเนื่องถึง 5 แห่ง คือ
บางกอกมอลล์ โครงการที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของศุภลักษณ์ อัมพุช แม่ทัพหญิงแห่งเดอะมอลล์กรุ๊ป เป็นอภิมหาโปรเจกต์ในพื้นที่ 100 กว่าไร่ย่านบางนา ที่เป็นมิกซ์ยูส มีทั้งโรงแรม ที่อยู่อาศัย และสวนน้ำ และมีห้างขนาดใหญ่อยู่ในโครงการ

The Central พหลโยธิน ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่ห่างจากเซ็นทรัลลาดพร้าวเพียง 300 เมตร ก็เร่งก่อสร้างในพื้นที่ที่ใหญ่ก
ว่าเดิม หวังจะให้เป็นศูนย์การค้าระดับ Flagship แห่งอนาคตที่จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ขึ้นไป และเพื่อลดความแออัดของเซ็นทรัลลาดพร้าว

ในขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าทรานส์ฟอร์ม “เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์” ครั้งใหญ่ สู่ “Central Northville” บนพื้นที่เดิมของเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ด้วยที่ดินถึง 59 ไร่ และมีพื้นที่ศูนย์การค้า 210,000 ตร.ม. โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ Biophilic Design ยกธรรมชาติมาไว้ในอาคาร บรรยากาศแบบ Outdoor-in-Indoor 
ขยับเข้าใจกลางเมือง เซ็นทรัล พาร์ค ในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค หัวมุมถนนสีลมและถนนพระราม 4 ก็เตรียมเปิดในเดือนกันยายน 2568 นี้

ส่วนเซ็นทรัล สยาม (ซึ่งยังไม่ได้ชื่อแน่นอน) เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ถูกจับตา หลังจาก CPN คว้าสิทธิเช่าระยะยาว 30 ปี ย่านสยามสแควร์ เนื้อที่กว่า 6 ไร่ ของสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วพร้อมปักหมุดประจันหน้ากับเจ้าถิ่นรายใหญ่ระดับตำนาน สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และมาบุญครอง
นอกจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่องแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดโครงการศูนย์การค้ายังเปิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่ยอดขายออนไลน์โตขึ้นทุกปี
ผู้บริหารหลายรายเคยให้ความเห็นว่า ทุกวันนี้คนไทยเข้าออนไลน์มากก็จริง สนุกกับการท่องโลกออนไลน์ เปิดดูโน่นนั่นนี่ แต่ยังมีอีกมากที่มาจบตรงออฟไลน์ เพราะออนไลน์หลักขายเฉพาะโปรดักต์ ส่วนออฟไลน์ขายโปรดักต์ เซอร์วิส และประสบการณ์
แต่ห้างเองก็ต้องปรับตัว ต้องทำในสิ่งที่ออนไลน์ทำไม่ได้ ห้างไม่ใช่แค่ที่ซื้อของ แต่คือ “Destination” และการเปลี่ยนบทบาทจาก “Shopping Center” เป็น “Lifestyle/Experience Hub” การผนวก Food Hall, Entertainment, Wellness, Co-working ฯลฯ
ศูนย์การค้าส่วนใหญ่เป็นโครงการใหญ่ ใช้เวลา 3–5 ปีขึ้นไปในการพัฒนา ผู้ประกอบการไม่สามารถ “หยุด” ได้กลางทาง แม้เศรษฐกิจจะแย่ ณ เวลานั้น อย่างเช่นบางกอกมอลล์ ที่ลงมือก่อสร้างมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19
ศูนย์การค้ายังเป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ คือ Long-Term Game ซึ่งแน่นอนว่าไม่หวังกำไรในปีแรก แต่เป็นการปักหมุดทรัพย์สินระยะยาว
นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างมูลค่าให้ที่ดิน เพิ่มอำนาจการต่อรองกับแบรนด์และพันธมิตร
ดังนั้น ไม่ว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร การลงทุนก็ยังต้องเดินหน้า เพราะนี่อาจเป็น “การเดิมพันครั้งใหญ่” ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นและนักท่องเที่ยวจะกลับมาในอีกไม่นาน
หรืออาจเป็น “วิสัยทัศน์ระยะยาว” ที่มองไกลและเตรียมพร้อมในการปรับตัว เพื่อรับมือกับโลกอนาคต
