Return on Advertising Investment (ROAI) ทำความเข้าใจกับการวัดผลโฆษณาว่าคุ้มแค่ไหน (การตลาด)

ในโลกของการตลาดที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้น งบโฆษณามีค่าเท่าทอง นักการตลาดจึงจำเป็นต้องวัดว่า “เงินทุกบาทที่จ่ายไปเพื่อโฆษณา” สร้างรายได้กลับมาคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งนั่นคือหน้าที่ของการวิเคราะห์ Return on Advertising Investment หรือที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า ROAI

ROAI คืออะไร

ROAI หมายถึง อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนด้านโฆษณา โดยคำนวณว่ารายได้ที่เกิดจากแคมเปญโฆษณานั้น มีมูลค่าเทียบกับเงินที่ใช้ในการโฆษณามากน้อยเพียงใด ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ตัดสินใจได้ว่าควรเพิ่มหรือลดงบในช่องทางใด และแคมเปญไหนที่ให้ผลดีที่สุด

สูตรการคำนวณ ROAI

ROAI =
(รายได้ที่เกิดจากโฆษณา – ต้นทุนโฆษณา) ÷ ต้นทุนโฆษณา
จากนั้นคูณด้วย 100 เพื่อแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์

เช่น หากแบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ ลงโฆษณา 50,000 บาท และมียอดขายจากโฆษณานั้น 200,000 บาท
ROAI = (200,000 – 50,000) ÷ 50,000 = 3 หรือ 300%
หมายความว่า ทุก 1 บาทที่ลงทุน ได้กำไรกลับมา 3 บาท

ROAI ต่างจาก ROI อย่างไร

แม้จะฟังคล้ายกัน แต่ ROI (Return on Investment) จะวัดผลรวมของการลงทุนทั้งหมด ไม่เฉพาะการโฆษณา เช่น ต้นทุนผลิตภัณฑ์ ค่าแรง หรือค่าบริหารจัดการ ในขณะที่ ROAI โฟกัสเฉพาะผลตอบแทนจากการลงโฆษณาเท่านั้น

ปัจจัยที่กระทบค่า ROAI

  1. ความแม่นยำของการยิงโฆษณา
    หากเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง โฆษณาจะมีโอกาสปิดการขายสูง ส่งผลให้ ROAI เพิ่มขึ้น
  2. คุณภาพของคอนเทนต์และ Call to Action (CTA)
    โฆษณาที่ดึงดูด และมีคำกระตุ้นให้ซื้ออย่างชัดเจน มักสร้าง Conversion ได้ดีกว่า
  3. การวัดผลที่แม่นยำ
    หากใช้ระบบติดตามพฤติกรรมลูกค้า (เช่น UTM หรือ Conversion Pixel) ได้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้การคำนวณ ROAI สะท้อนความจริงมากขึ้น

ตัวอย่างจากธุรกิจจริง

  • ร้านกาแฟแบรนด์เล็ก ๆ ลงโฆษณา Facebook Ads โปรโมตเมนูใหม่ด้วยงบ 5,000 บาท และได้ยอดขายจากเมนูนี้รวม 20,000 บาท ทำให้ได้ ROAI = 300% ถือว่าคุ้มค่ามาก
  • แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง ใช้งบ 1 ล้านบาทกับแคมเปญ Influencer แต่สร้างยอดขายตรงเพียง 500,000 บาท ทำให้ ROAI = -50% แปลว่าเสียเงินมากกว่าที่ได้กลับมา ต้องกลับมาวิเคราะห์ว่าควรเลือกช่องทางอื่นหรือปรับกลยุทธ์

ทำไม ROAI ถึงสำคัญ

เพราะงบโฆษณามีจำกัด นักการตลาดจึงต้องเลือกลงทุนกับช่องทางหรือแคมเปญที่สร้าง “กำไรกลับมา” มากที่สุด ไม่ใช่แค่ยอดวิวหรือยอดไลก์ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ต้องใช้เงินทุกบาทให้คุ้มค่า

สรุป

Return on Advertising Investment ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือเครื่องมือในการ “ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์” ว่าโฆษณาชิ้นไหนควรไปต่อ ช่องทางไหนควรลดทอน และงบการตลาดควรถูกใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละแคมเปญ

หากเข้าใจและวัดผล ROAI ได้อย่างสม่ำเสมอ การตลาดของคุณจะไม่ใช่แค่ “ลองผิดลองถูก” แต่จะกลายเป็น “การลงทุนที่มีเป้าหมายและผลตอบแทนชัดเจน” 🟥

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer