แม้ Gen Z จะขึ้นชื่อด้านทักษะดิจิทัล แต่เมื่อพูดถึงรูปแบบการทำงาน พวกเขากลับชื่นชอบการสื่อสารแบบพบหน้ามากกว่าผ่านจอ ตามรายงานล่าสุดของ Gallup

การสำรวจเปรียบเทียบ 4 เจเนอเรชัน ได้แก่ เบบี้บูมเมอร์, Gen X, มิลเลนเนียล และ Gen Z พบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเลือกทำงานทางไกลเต็มเวลา (fully remote) น้อยที่สุด มีเพียง 23% ที่ต้องการทำงานทางไกลเต็มรูปแบบ ขณะที่เจเนอเรชันอื่น ๆ มีสัดส่วนสูงถึง 35%

จิม ฮาร์เตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสถานที่ทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีของ Gallup ยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจกับผลนี้

“คุณอาจคิดว่า Gen Z จะต้องชอบการทำงานทางไกล เพราะพวกเขาทำอะไรได้มากมายผ่านดิจิทัล” ฮาร์เตอร์กล่าว

แต่ในความเป็นจริง พนักงาน Gen Z กลับรู้สึกว่า “อาชีพของพวกเขาถูกลดทอนโอกาส” หากทำงานทางไกลเต็มเวลา เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมและโอกาสเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมจริง โดยเฉพาะ การมีพี่เลี้ยงหรือผู้แนะนำ (mentorship) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเริ่มต้นอาชีพและสร้างได้ยากในสภาพแวดล้อมทางไกล

นอกจากนี้ พนักงาน Gen Z ที่ทำงานทางไกลเต็มเวลายังมักไม่ชัดเจนว่า “งานของตนเชื่อมโยงกับภาพรวมขององค์กรอย่างไร” ส่งผลให้ขาดความผูกพันกับงานและทีม

Gallup ระบุว่า Gen Z ชื่นชอบการทำงานแบบไฮบริดมากที่สุดในบรรดาทุกเจเนอเรชัน โดย 71% ระบุว่าต้องการรูปแบบผสมผสานระหว่างเข้าออฟฟิศและทำงานจากบ้าน และมีแนวโน้มมากกว่ากลุ่มอื่นที่จะอยากให้เพื่อนร่วมงานเข้ามาที่ออฟฟิศบ่อยขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทำงานร่วมกันจริง

อย่างไรก็ตาม การทำงานในออฟฟิศเต็มเวลายังคงไม่เป็นที่นิยมในทุกเจเนอเรชัน มีเพียง 6% ของ Gen Z ที่ต้องการทำงานแบบเจอตัวทุกวัน ขณะที่มิลเลนเนียลอยู่ที่ 4%, Gen X ที่ 9% และเบบี้บูมเมอร์ที่ 10%

ฮาร์เตอร์เสริมว่า ความเหงาอาจเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ Gen Z แสวงหาการพบปะกันแบบตัวจริง ผลการศึกษา Gallup ปี 2024 พบว่า 1 ใน 5 ของพนักงานรู้สึกเหงาอย่างมาก และกลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปีมีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากที่สุด

“ในหมู่ Gen Z มีความโหยหาการเชื่อมต่อแบบพบปะกันจริง” ฮาร์เตอร์กล่าว

แม้เจเนอเรชันอื่นอาจชื่นชอบการทำงานทางไกลเต็มรูปแบบมากกว่า แต่ฮาร์เตอร์ระบุว่าผู้นำองค์กรมีหน้าที่รับผิดชอบในการมอบ “การพัฒนาที่เหมาะสม” ให้กับพนักงาน Gen Z ผ่านสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน

“มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งคุณไม่สามารถนัดหมายบน Zoom ได้ เช่น การคุยกันแบบไม่ตั้งใจ การช่วยกันแก้ปัญหา หรือการถามคำแนะนำอย่างรวดเร็ว” เขากล่าว “ทุกคนที่เคยมีประสบการณ์เหล่านี้ย่อมรู้ถึงความแตกต่าง”

เขายังชี้ว่า แม้แต่ทีมไฮบริดจำนวนมากก็ยัง “จัดจังหวะเวลาได้ไม่ลงตัว” จนไม่สามารถสร้างโอกาสให้พนักงาน Gen Z ได้รับการปฏิสัมพันธ์แบบเจอตัวที่เพียงพอในที่ทำงาน โดยเสนอว่า ทีมไฮบริดควรกำหนด “วันเข้าออฟฟิศร่วมกัน” ให้ทุกคนได้พบปะในเวลาเดียวกัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และการเรียนรู้ร่วมกัน

สำหรับทีมทางไกลเต็มรูปแบบ ฮาร์เตอร์แนะนำให้สร้างความใกล้ชิดกับพนักงาน Gen Z ผ่านการสนทนาที่มีความหมายเกี่ยวกับ เป้าหมายในอาชีพ ความท้าทาย และจุดแข็ง ของพวกเขา

“ผมคิดว่าคนในเจเนอเรชันที่อายุมากกว่าควรพิจารณาไม่ใช่แค่อะไรที่ดีต่อฉัน แต่ต้องมองว่าอะไรที่ดีต่อทั้งทีมและทั้งองค์กร องค์กรและผู้นำที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ จะมองเห็นสิ่งนี้ และวางแผนเพื่อทำให้เกิดขึ้น”

ที่มา : cnbc


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer