ลูกรักคนใหม่ของผู้พันแซนเดอร์สได้ถือกำเนิดขึ้น หลังแคมเปญ Collaboration Marketing KFC x Butterbear กลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย ทำให้ยอดขายเคเอฟซีเติบโตขึ้น 49%

ภัทรา ภัทรสุวรรณ Associate Marketing Director KFC ประเทศไทย เปิดเผยว่า แคมเปญ KFC Butterbear ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นผ่านแฮชแท็ก #KFCxButterbear และ #น้องเนยลูกรักผู้พัน สร้างการมีส่วนร่วม 24.8 ล้านครั้ง จนกลายเป็นปรากฏการณ์ไวรัล รวมถึงยังทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 49% และในช่วงสัปดาห์แรกของแคมเปญมีจำนวนครั้งในการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนในปีที่ผ่านมา นับเป็นความสำเร็จของการทำ Collaboration Marketing ระหว่าง KFC และ Butterbear
ซึ่งที่มาของแคมเปญนี้มาจากกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดียที่แฟนคลับแซวน้องเนยว่า ‘มือเหมือนไก่ทอด’ จนกลายเป็นมีมตลกที่เชื่อมโยงกับแบรนด์ KFC อย่างลงตัว ทำให้ KFC เกิดแนวคิดในการทำ Collaboration Marketing ร่วมมือกับ Butterbear เพื่อทำการตลาดแบบ localization เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านคาแรกเตอร์หมีเนยที่เป็นดาวเด่นในโลกโซเชียล และยังเป็นที่รู้จักในระดับสากล 
ทำให้ผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ สร้าง Brand Love กับลูกค้า และดึงกลุ่มลูกค้าใหม่มาเพิ่มขึ้นคือกลุ่มวัยทำงาน โดยค่าใช้จ่ายต่อบิลสำหรับทานหลายคนเริ่มที่ 199 บาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มทานเดี่ยวมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่ 80-90 บาท
เคเอฟซีเจ้าตลาดไก่ทอดในไทยที่มีสาขาอยู่มากกว่า 1,156 แห่งทั่วประเทศ ครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดไก่ทอดไทยอยู่กว่า 2 ใน 3 ของตลาด
บริหารแบรนด์และแฟรนไชส์โดย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารร้านเคเอฟซีโดย แฟรนไชส์ซี 3 ราย คือ
- บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG)
- บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (RD)
- บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA)
ด้วยตลาดไก่ทอดมีการแข่งขันที่สูง แบรนด์แข่งกันออกโปรโมชันเสนอความคุ้มค่าเพราะเม็ดเงินในกระเป๋าลูกค้าลดลง ประกอบกับมีแบรนด์ใหม่จากจีนเข้ามาในตลาดยิ่งทำให้ภาพของสงครามราคาชัดเจนขึ้น แม้ที่ผ่านมาเคเอฟซีจะทำโปรโมชันคุ้มค่ามาหลายครั้ง แต่ไม่เคยลงสู้ในสงครามราคา แบรนด์มองการเพิ่มคุณค่า นำเสนอความคุ้มค่าในหลากหลายมิติแก่ผู้บริโภค
ในด้านปัญหาความไม่สงบของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สาขาเคเอฟซีในสามจังหวัดเสี่ยงได้รับผลกระทบ 10 สาขา แต่ปิดชั่วคราวในบางสาขาเท่านั้น และแบรนด์ยังทำโครงการส่งไก่ทอดช่วยเหลือ พื้นที่ประสบภัย
ส่วนด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวลดลงเนื่องด้วยเป็นช่วงโลว์ซีซันด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้สาขาในโซนท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ด้วยราคาที่คนโลคอลเข้าถึงได้ ทำให้ลูกค้าไม่ลดลง แบรนด์จึงพยายามตรึงราคาไว้เสมอ ไม่ค่อยปรับราคาขึ้น เพราะเงินในกระเป๋าลูกค้ามีแต่น้อยลงไม่ก็เท่าเดิมแต่ไม่เพิ่มขึ้น
แต่เมื่อมองในสงครามข้ามตลาด การที่ตลาดสุกี้กำลังได้รับความสนใจจากการที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ประกาศแข่งในสงครามราคา แม้จะอยู่คนละตลาด แต่ก็กระทบกับตลาดไก่ทอดในเรื่องของเสียงในตลาด
KFC ยังมีแผนที่จะออกแคมเปญใหม่ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น แคมเปญในช่วงวันแม่ และการสร้างความตื่นเต้นผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อกระตุ้นความสนใจจากกลุ่มลูกค้า และสร้างการมีส่วนร่วมมากขึ้น

นอกจากนี้ KFC ประเทศไทย ยังสานต่อความสำเร็จจากแคมเปญ KFC I Butterbear ด้วยการจัดงาน ‘Meet & Eat กินไก่ทอดกอดน้องเนย’ คือการต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ใกล้ชิดกับน้องเนยและแบรนด์ KFC อย่างเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งยังมีสินค้าผ้าพันคอฮีลใจ 2 ลายสุดน่ารักให้เลือก ทั้งสีแดง-ลายน้องเนยในชุดผู้พัน และสีขาว-ลายน้องเนยในบักเก็ตไก่ พร้อมให้เก็บสะสมจนกว่าสินค้าจะหมด
ระยะเวลาแคมเปญสิ้นสุด 31 สิงหาคม 2568 นี้
