วิริยะประกันภัย ที่ 1 ในใจผู้บริโภค เพราะใส่ใจและจริงใจ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกได้มากกว่าแค่ความคุ้มครอง
ในขณะที่ ภาพรวมอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย กำลังเผชิญกับ “ความท้าทายรอบด้าน” เศรษฐกิจที่ยังซบเซา ความกังวลจากความขัดแย้ง ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อยากขึ้น การที่แบรนด์ใดจะยังคงครองที่หนึ่งในใจผู้บริโภคได้นั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย…
แต่สำหรับ “วิริยะประกันภัย” ที่เพิ่งคว้า รางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 ในหมวดประกันภัยรถยนต์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่มาจากผลสำรวจผู้บริโภค 6,500 ตัวอย่างทั่วประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งทั้งในด้านธุรกิจและในใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น วิริยะยังคงตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยการรักษาตำแหน่งเบอร์หนึ่งในตลาดประกันวินาศภัยติดต่อกันเป็นปีที่ 33 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.3% ในขณะที่ ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 38 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.6%
เบื้องหลังความสำเร็จนี้คืออะไร? … Marketeer จะพาไปพูดคุยกับคุณอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อเปิดจิ๊กซอว์กลยุทธ์ชิ้นสำคัญที่ทำให้แบรนด์ยังคงเป็นที่ 1 ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง…
78 ปีแห่งความมุ่งมั่นของ วิริยะประกันภัย ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา

“เราตั้งใจที่จะก้าวข้ามจากแค่ผู้ให้บริการ สู่ แบรนด์เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้า” ดังนั้นจึงต้องเริ่มต้นจากความ สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย และเชื่อมโยงออนไลน์และออฟไลน์ข้อมูลเชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น
ผ่านทุกช่องทางบริการที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้แบรนด์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตามเป้าหมายที่แบรนด์ตั้งไว้อย่าง มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า #ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า โดยมีบุคลากรวิริยะประกันภัยทุกส่วนงานที่มีอยู่เกือบ 7,000 คน เป็นแรงขับเคลื่อน
รวมถึงการมีฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 8 ล้านกรมธรรม์ และมีการเคลมสินไหมทดแทนคิดเป็น 1 ล้านเคลมต่อปี ที่เป็นยิ่งกว่าข้อมูล แต่นี่คือ เสียงสะท้อนจริง จากผู้บริโภคที่สามารถนำไปวิจัยเพื่อค้นหาความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลงลึก และตรงต่อความต้องการ
สามารถนำไปพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์และการบริหารจัดการด้านสินไหมทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนลง ตั้งแต่ขั้นตอนการรับประกันภัย การบริการหลังการขาย ตลอดไปถึงขั้นตอนการจ่ายสินไหมทดแทน”

ในปัจจุบัน วิริยะประกันภัย มีจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ที่ครอบคลุมกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ สำนักงานตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัยกว่า 4,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางงานขายสำคัญของบริษัทฯ ที่สามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันภัยแก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมไปถึงเครือข่ายให้บริการงานซ่อมที่มีคุณภาพ ผ่านศูนย์บริการงานซ่อมมากกว่า 600 แห่ง

และยังพัฒนาให้ช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคไทยอย่าง LINE OA ให้เป็น One Stop Service ตั้งแต่การซื้อประกัน และการแจ้งเคลมอุบัติเหตุ เคลมนัดหมาย (VClaim on VCall) และแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึง บริการ “V Roadside Service” บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นบริการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อเกิดเหตุุการณ์ที่ไม่คาดคิดในระหว่างเดินทางบนท้องถนน เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว

และยังสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ช่วยแก้ปัญหาและให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการที่ปรึกษาด้านสุขภาพ “Health Advisory” กิจกรรม Live เกี่ยวกับความรู้ด้านสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลคู่สัญญาของบริษัท ภายใต้โครงการ “Healthy Life” บนเฟซบุ๊ก Viriyah Health Insurance – วิริยะประกันสุขภาพ อีกด้วย
เป้าหมายและแผนการเติบโต

ไตรมาส 1/2568 อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย มีเบี้ยประกันภัย 77,995 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 4.0%YoY
โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัย Motor 42,369 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.7%YoY และเบี้ยประกันภัย Non-Motor 33,543 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.0%YoY
และ วิริยะประกันภัย ในไตรมาส 1/2568 มีเบี้ยประกันภัย 10,749 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 3.9%YoY ส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 14.16%
โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัย Motor 9,597 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 3.2%YoY ส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 22.65%
และเบี้ยประกันภัย Non-Motor 1,153 ล้านบาท อัตราการเติบโตอยู่ที่ 9.85%YoY ส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 3.44%

ทางด้านกลยุทธ์ใหญ่ของวิริยะประกันภัยในปี 2568 คือการส่งมอบ “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” #ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า ผ่าน 3 เป้าหมายหลักอย่าง
ยกระดับทุก Touchpoint ด้วยบริการแบบ Omnichannel
ขยายงานตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ให้ได้กว่า 200 ราย เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในเมืองรอง อย่าง อุทัยธานี บึงกาฬ นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
ยกระดับความรู้และศักยภาพของตัวแทนและนายหน้าฯ ผ่านการอบรมออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อสามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุม
พัฒนาจุดบริการ (สาขา, ศูนย์เคลม, V-Station) ให้ครอบคลุมและเปิดให้บริการทุกวัน ยกระดับ Line OA เป็น One Stop Service รองรับการขาย เคลม และเหตุฉุกเฉินครบจบในมือถือ และเพิ่ม “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” จาก 20 เป็น 30 จุด เพื่อให้ถึงจุดเกิดเหตุได้เร็วขึ้นในพื้นที่เสี่ยง
ขยาย Ecosystem ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ครอบคลุมทุกแบรนด์ทั่วประเทศ และพัฒนาศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะประกันภัย เพื่อรองรับการให้บริการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ขยายเครือข่ายพันธมิตรศูนย์ซ่อมเฉพาะทาง เช่น ศูนย์ซ่อมรถหรู และศูนย์ซ่อมรถขนส่ง เพื่อตอบรับการเติบโตของตลาดประกันภัยรถยนต์เฉพาะทาง
ขยายเครือข่ายพันธมิตรโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยสุขภาพ และตั้งเป้าขยาย Exclusive Partner จาก 65 แบรนด์ สู่ 80 แบรนด์ในปีนี้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
ภารกิจยกระดับบุคลากร วิริยะประกันภัย ที่มีอยู่กว่า 6,900 คน
อีกหนึ่งแกนสำคัญคือการ พัฒนาคน ด้วยการวาง Road Map พัฒนาแต่ละตำแหน่ง พร้อมแผน IDP ปั้นผู้บริหารรุ่นใหม่
พร้อมเสริมทักษะรับเทคโนโลยีใหม่ ทั้ง AI และยานยนต์ไฟฟ้า และพัฒนาหลักสูตร Online Training ให้เรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
และเสริมความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ Motor / Non-Motor ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับพนักงานในทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งงานสินไหมทดแทนส่วนหน้าและส่วนหลัง รวมถึงฝ่ายรับประกันภัย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ให้ Data-driven ขับเคลื่อนประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า
สิ่งหนึ่งที่ทำแล้วประสบความสำเร็จในช่วงปีที่ผ่านมาของ วิริยะประกันภัย คือการการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ไปพร้อมๆ กับสร้าง Ecosystem บนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าอยากมีส่วนร่วมด้วยในระยะยาวทั้งบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และ LINE OA ที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด และในขณะเดียวกันก็สามารถรวบรวมความต้องการเพื่อนำมาพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
รวมถึงสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้เอาประกันภัยได้อย่างมากมาย ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนางานสินไหม รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านประกันภัยที่ทันสมัย เช่น การนำข้อมูลพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ หรือพื้นที่ที่มีอุปสรรค การจราจรหนาแน่น มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ใช้เวลานาน ฯลฯ นำมาทบทวนการวาง “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” จุดพักคอยของเจ้าหน้าที่ในการรอเพื่อออกตรวจสอบอุบัติเหตุอย่างเหมาะสม เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปถึงจุดเกิดเหตุภายในระยะเวลาที่กำหนด
และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตามพฤติกรรมการขับขี่ เช่น PayLite จ่ายเท่าที่ขับสำหรับคนใช้รถน้อย หรือ Good Drive ขับดีมีคืน
ซึ่งเป็นทั้งการตอบแทน พร้อมๆ กับร่วมสร้างพฤติกรรมการขับขี่ดีที่ และปลอดภัยให้กับลูกค้าและสังคมบนท้องถนนได้อีกทาง
วิริยะประกันภัย ‘อุ่นใจ’ ทุกครั้งที่นึกถึง

“เมื่อเอ่ยถึงวิริยะประกันภัยสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคคือ “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่ “ความไว้วางใจ” ว่าจะได้รับความคุ้มครองที่ “คุ้มค่า” พร้อมบริการที่ดูแลอย่าง “ใส่ใจและจริงใจ” ให้วิริยะประกันภัยเข้าไปเป็นส่วนหนี่งในทุกช่วงชีวิตที่สำคัญให้ผู้บริโภครู้สึก “อุ่นใจ” ทุกครั้งที่มีเราอยู่เคียงข้าง และ “มั่นใจ” ได้ว่าทุกขั้นตอนจะได้รับการดูแลอย่าง “มืออาชีพ” และ “เป็นธรรม”
และต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่ให้วิริยะประกันภัยดูแลความเสี่ยงตลอด 78 ปีที่ผ่านมา และรางวัล No.1 Brand Thailand ที่ได้รับยังเป็นเหมือนความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ที่สะท้อนให้เราไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้วิริยะประกันภัยเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภคได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
และไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปหรือต้องเจอกับความท้ายทายใหม่ ๆ แต่ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ และวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่น วิริยะประกันภัยจะยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง และพร้อมอยู่เคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืนตลอดไป” คุณอมรกล่าวทิ้งท้าย
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /


