ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำปลาคึกคักจากการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มุ่งขยายฐานลูกค้าและตอบรับความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเปิดตัวของ น้ำปลาตราปลาหมึก ซึ่งได้นำน้ำปลากลิ่นทรัฟเฟิลและน้ำปลาพริกหม่าล่าออกสู่ตลาดในปลายปี 2566 โดยเน้นจุดขายจากวัตถุดิบนำเข้า เช่น ทรัฟเฟิลดำจากอิตาลี และพริกหม่าล่าที่มีรสเผ็ดชา เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคพรีเมียมยุคใหม่ที่มองหาประสบการณ์รสชาติที่แตกต่างเฉพาะบุคคล
นวัตกรรมนี้ยังช่วยขยายพอร์ตสินค้าพรีเมียมของตราปลาหมึก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำตลาดน้ำปลาสูตรเฉพาะมาแล้ว เช่น สูตรสำหรับเด็ก สูตรเกลือหิมาลายัน และสูตรวีแกน กลยุทธ์ดังกล่าวไม่เพียงช่วยขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มพรีเมียม แต่ยังสร้างรายได้ต่อขวดที่สูงกว่าน้ำปลากลุ่มสแตนดาร์ด ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสในการบุกตลาดต่างประเทศด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์
ขณะเดียวกัน น้ำปลาหอยนางรม ได้ก้าวสู่การต่อยอดด้วยการเปิดตัว น้ำปลาผงสูตรลดโซเดียม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยนำเสนอจุดเด่นในเรื่องความเค็มที่น้อยกว่า กลิ่นไม่แรง และสะดวกต่อการเก็บรักษาและพกพา
แม้น้ำปลาผงจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาด แต่สำหรับ หอยนางรม นับเป็นการต่อยอดจากรากฐานเดิมที่แข็งแรง เพราะที่ผ่านมาหอยนางรมทำตลาดน้ำปลาผงในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและการส่งออกมากว่า 30 ปี ก่อนจะเห็นโอกาสในการขยายเข้าสู่ผู้บริโภคทั่วไป ด้วยการปรับสูตรลดโซเดียมให้สอดรับกับเทรนด์สุขภาพที่เพิ่มขึ้นเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มพรีเมียม
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นวัตกรรมด้านสินค้าใหม่ของผู้เล่นในตลาดน้ำปลา ที่ต่างมุ่งนำเสนอความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ ความสะดวก หรือคุณค่าด้านสุขภาพ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมกับเปิดประตูสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมียมที่มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ
เพราะในตลาดน้ำปลามูลค่า 10,000 ล้านบาท เซ็กเมนต์พรีเมียมมีสัดส่วนมากถึง 20% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มีการขยายเพิ่มจากเดิมที่มีเพียง 10% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มสแตนดาร์ดปัจจุบันมีสัดส่วน 40% และกลุ่มอีโคโนมี่สัดส่วน 40%
การขยายตัวของเซ็กเมนต์พรีเมียมสะท้อนให้เห็นทิศทางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มองหาทั้งความแตกต่างและคุณค่าที่มากกว่าความเค็มพื้นฐานของน้ำปลา เพราะการแข่งขันในตลาดน้ำปลาไม่ได้อยู่แค่ในมิติ “ราคา” อีกต่อไป แต่กำลังเข้าสู่สนามของ “คุณค่า” ที่ผู้บริโภคพร้อมจ่ายเพิ่มเพื่อสุขภาพ ความพรีเมียม และเอกลักษณ์รสชาติ

Marketeer FYI
ส่วนแบ่งตลาดน้ำปลา
ตลาดน้ำปลามูลค่า 10,000 ล้านบาท
แบ่งเป็น
ทิพรส 40%
ตราปลาหมึก 18%
เมกาเชฟ 17%
หอยนางรม 5%
อื่นๆ 20% ♦
