ริศรา เจริญพานิช จากคนที่บริษัทจัดหางานส่งไปสมัครงาน วันนี้กลายมาเป็น CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PRTR

เมื่อโลกของตลาดแรงงานกำลังเผชิญ AI Disruption หลายองค์กรทยอยปลดพนักงาน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (PRTR) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจ้างพนักงาน (Outsource) ให้บริการสรรหาพนักงาน (Recruitment) และให้บริการบริหารทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร

มองเห็นโอกาสและความเสี่ยงในสถานการณ์นี้อย่างไร อย่างไร

ตาม Marketeer ไปคุยกับ “คุณแนน” ริศรา เจริญพานิช นักการตลาดสาวสวยดีกรีปริญญาโทสหรัฐฯ ที่เดินมาสมัครงานกับบริษัทจัดหางาน กลับถูกเจ้าของเสนอ “งานจริง” ให้ทำแทน ผ่านไปเพียง 3 เดือน เธอถามว่า “พ้นโปรหรือยัง” แต่ได้คำตอบว่า “จะโปรโมตเป็นผู้จัดการ”

วันนี้เธอคือ CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท PRTR

ริศราเรียนจบคณะวารสารศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และทำงานที่แกรมมี่ 1 ปี ในตำแหน่งเออี ก่อนจะไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน Marketing Communication, Illinois Institute of Chicago ที่สหรัฐอเมริกา

กลับมาไปติดต่อหางานที่ PRTR ที่วันนั้นเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ

“ตอนแรก PRTR ส่งแนนไปสัมภาษณ์งานที่อื่นก่อน แต่ไม่ได้ เขาเลยบอกว่า มีงานที่นี่ สนใจไหม  ก็เลยมาคุย” เธอเริ่มบทสนทนากับ Marketeer ด้วยน้ำเสียงหัวเราะ ๆ

หลังจากพ้นโปร  เธอได้โปรโมตเป็นผู้จัดการ

“จำได้เลยว่า ตำแหน่งแรกคือ Consultant Manager ตอนนั้น ซึ่งตอนเริ่มต้นยังไม่เข้าใจอะไรเลย แม้แต่เรื่องบัญชีอย่าง AR, AP ก็ยังไม่รู้ ต้องให้นายคอยสอน ตอนแรกก็งง ๆไม่เข้าใจอะไรเลย”

จากนั้นก็ได้โอกาสขยับมาช่วย MD ที่เป็น Founder ของบริษัท ทำระบบ SAP ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่าไม่รู้เรื่องบัญชีเลย แต่เพราะบริษัทใช้ระบบ Outsource ปิดบัญชีช้ามาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำไรจริง ๆ เท่าไหร่ ก็เลยเสนอว่า “จ้างนักบัญชีมาเองเถอะ เดี๋ยวช่วยวางระบบให้” จากที่ไม่เคยคิดว่าจะมาจับงานแบบนี้ ก็ได้เรียนรู้ไปเต็ม ๆ

พอช่วยเสร็จผู้บริหารก็บอกให้เปิด BU แยก (Business Unit)  ก็เลยได้เป็น Partner ดูแลสาย PC Outsourcing ซึ่งต่อมากลายเป็นพอร์ตหลักของบริษัท

เธอกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และขึ้นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด เมื่อตอนอายุ 34 ปี แต่กว่าจะถึงตำแหน่งนี้ไม่ได้ง่าย และช่วงแรก ๆ ของการทำงาน เรียกได้ว่าเธอ “ลุยสุดตัว” จริง ๆ

“เคยหา Direct Sales ให้ธนาคารต่างชาติ เดือนหนึ่งเป็นร้อย ๆ คน วิธีการหาคนสมัยนั้นคือต้องลงพื้นที่จริง ไปตลาดนัดวันเสาร์กับทีม แจกใบปลิว ผูกไวนิลตามเสา แจกของแถมเพื่อชวนคนมาสมัครงาน พอนึกย้อนกลับไปทีไร แอบขำตัวเองทุกทีค่ะ เพราะถ้าสมัยนี้ไปผูกไวนิลตามเสา คงโดนจับไปแล้วแน่ ๆ”

โมเดลธุรกิจของที่นี่  เริ่มจาก Recruitment  คือหาคนให้กับลูกค้าโดยตรง สมมติว่าอยากได้ ช่างภาพ 1 คน ก็บอกมาเราก็จัดการหา ส่งไปสัมภาษณ์ เสร็จแล้วถ้าโอเค ลูกค้าก็รับเข้าทำงานเอง จบกระบวนการไปเลย

ส่วนค่าบริการ คิดเป็น Recruitment Fee อยู่ที่ประมาณ 1 เดือนครึ่งถึง 2 เดือนครึ่งของเงินเดือนแรก แล้วแต่ตำแหน่งและระดับเงินเดือน

ต่อมาขยายเป็น Outsourcing หาคน จ้างคน และดูแลคนทั้งหมดแทนลูกค้า โดยเฉพาะตำแหน่ง พนักงานขาย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเยอะและทำงานให้กับหลายแบรนด์ใหญ่ ๆ ทั้งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า สุขภัณฑ์ สี และสินค้าในบ้านต่าง ๆ

โดยผู้รับจ้างจะดูแลครบวงจร ตั้งแต่การสรรหาคน, ทำสัญญา, จ่ายเงินเดือน, ดูแลสวัสดิการ ไปจนถึงการบริหารจัดการในชีวิตการทำงานประจำวันของพนักงานเหล่านั้น

ดังนั้น ธุรกิจ Outsource ต้องอาศัยบริษัทที่น่าเชื่อถือและการเงินมั่นคง เพราะต้องรับผิดชอบการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการให้พนักงานโดยตรง หากสะดุดย่อมกระทบทั้งคนทำงานและลูกค้า ส่งผลให้ตลาดนี้มีการแข่งขันน้อยกว่าธุรกิจ Recruitment

ปัจจุบัน PRTR มีพนักงาน Outsource ที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้เกือบ 20,000 คน

ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัท มีรายได้รวม 7,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.7% ขณะที่กำไรสุทธิ 227.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10%  เป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยทำมา

โดยมี 2 ธุรกิจหลัก คือ Outsource ทำรายได้ประมาณ 96% และ Recruitment ประมาณ 4%

ริศรา ไม่ยอมหยุดอยู่แค่ธุรกิจจัดหางาน หาคน แต่ยังต่อยอดแตกไลน์สู่ 4 ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยงในอนาคต

1.ธุรกิจเทรนนิ่งและพัฒนาคน ผ่านบริษัท The Blacksmith ในปี 2564 เเน้นการ Upskill และ Reskill ทั้งพนักงานในองค์กรและลูกค้า

2.PINNO Solutions เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการบุคลากร ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และรองรับการขยายตัวได้โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนบุคลากรเพิ่ม

3.Nexmove เดิมทีถูกออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์มหางานแนว JobsDB แต่เมื่อทำจริงกลับพบว่าการเติบโตช้ากว่าที่คาด เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการสร้างการรับรู้ สุดท้ายจึงตัดสินใจพักโครงการไว้ก่อน แล้วหันมาโฟกัสใช้ฐานธุรกิจ Recruitment ที่แข็งแรงมาช่วยซัพพอร์ตแทน

4.การซื้อกิจการเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เข้าไปลงทุนในบริษัท บิซรีซอร์ส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการพนักงานขับรถองค์กรและพนักงานทำความสะอาด

เธอบอกว่า ปัจจุบันธุรกิจเทรนนิ่งกำลังเติบโตต่อเนื่อง

เอไอมาแรง แต่ “Mindset” คือคอร์สที่ขายดีตลอดกาล

“คอร์สเทรนนิ่งเรื่องเอไอเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากก็จริง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คอร์สที่คนยังเรียนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอจริง ๆ กลับเป็นคอร์สด้าน Mindset ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับความนิยมมากขนาดนี้”

เพราะสุดท้ายแล้ว Mindset นี่แหละคือหัวใจที่ขับเคลื่อนทุกอย่างเลย ถ้ามายด์เซ็ตถูกปุ๊บ เราก็จะเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น และเวลาทำธุรกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีปัญหาเข้ามาตลอด คนที่มีมายด์เซ็ตที่ดีเขาก็จะฟันฝ่าไปได้ เลยทำให้ “คอร์ส Mindset” กลายเป็นคอร์สที่ขายดีตลอดกาล

เหมือนกับ “คอร์ส Communication” ที่ไม่เคยตกยุค เพราะเรื่องการสื่อสารมันสำคัญมากจริง ๆ การพูดให้ลูกน้องเข้าใจ ไม่ใช่แค่บอกว่า “ทำไปเถอะ เบื้องบนสั่งมา” แต่ต้องอธิบายให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นมีความหมายและมีเหตุผล คือทักษะที่คนยังอยากเรียนกันเรื่อย ๆ

ตำแหน่งที่ “ไม่มีวันหายไป” ไม่ว่าจะยุคไหนก็คือ Sales 

แต่ก็น่าแปลก เพราะเป็นตำแหน่งที่คนไม่ค่อยอยากทำเพราะงานขายเต็มไปด้วยแรงกดดัน ต้องมีเป้า ต้องมียอดทุกเดือน ไม่เหมือนงานที่ทำไปเรื่อย ๆ แบบไม่ถูกกดดัน หลายคนเลยรู้สึกว่างานขายเป็น “อีกสปีชีส์หนึ่ง” ที่ต้องมีนิสัยพิเศษ คือชอบความท้าทาย ไม่กลัว Target และพร้อมเดินหน้าเสมอ

เธอบอกว่า ถึงอย่างนั้น งานขายก็ยังเป็นตำแหน่งที่ทำรายได้มากที่สุดให้กับ PRTR ตั้งแต่เข้ามาเมื่อ 20 ปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่บริษัทเปิดรับพนักงานขาย ก็ยังเป็นตำแหน่งที่ขับเคลื่อนธุรกิจหลักอยู่เสมอ

ปัญหา ความเสี่ยง และโอกาส ของ PRTR

ความท้าทายของ PRTR วันนี้คือ AI Disruption องค์กรเริ่มใช้เทคโนโลยีแทน “จำนวนคน” งานรูทีนซ้ำ ๆ ถูกลดลง ส่งผลให้การเติบโตแบบ“ปริมาณพนักงาน” ไม่พุ่งเหมือนเดิม

“ปีนี้ยอมรับว่าเหนื่อยนิดหนึ่งค่ะ เพราะธุรกิจ Recruitment มันค่อนข้าง Sensitive กับภาวะเศรษฐกิจ อย่างช่วง 6–7 เดือนแรกที่ยังไม่รู้เรื่องภาษีและผลของ Tariff ก็ทำให้หลายบริษัทลังเลว่าจะ  จ้างดีไหม  หรือ  ไม่จ้างดีกว่า  เพราะไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะโตแค่ไหน หรือ GDP จะเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่ามันกระทบโดยตรงกับเรา”

ส่วนข่าวที่ธนาคารใหญ่เปิดโครงการเกษียณก่อน 45 ปี ริศรา มองว่า จริง ๆ แล้วธนาคารเขาอยากเอา AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้มากกว่า คนที่อายุเกิน 45 ถ้าปรับตัวไม่ทัน ก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะเท่าไร เพราะนอกจากเงินเดือนจะสูงแล้ว ยังอาจไม่ตอบโจทย์กับสิ่งที่บริษัทอยากเห็นในอนาคต ดังนั้น เขาก็เลยเลือกที่จะดึงเด็กรุ่นใหม่เข้ามา ซึ่งเรียนรู้ไว ปรับตัวง่าย และทำงานได้ productive กว่า

“สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องของ  อายุ หรอกค่ะ แต่มันคือ การปรับตัว มากกว่า ถ้าใครเอาเทคโนโลยีมาใช้ได้ ใช้ AI ได้จริง ก็ยังไปต่อได้ในองค์กร ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม”

เธอยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมกระทบต่อ PRTR เพราะองค์กรสมัยนี้อาจไม่ได้อยากได้ “จำนวนคน” เท่าเดิมอีกแล้ว แต่จะอยากได้คนที่ปรับตัวเก่ง ใช้เครื่องมือใหม่ ๆ เป็น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

“จำนวนคนไม่ได้ลดแบบฮวบฮาบนะคะ มันค่อย ๆ ถูกแทนด้วยเทคโนโลยี เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราต้องปรับคือ ขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพื่อให้พอร์ตเราขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแหละค่ะ ถึงจะทำให้บริษัทเราโตได้”

อย่างในครึ่งปีหลัง เรายังไม่เห็นสัญญาณว่าลูกค้าเก่าโต ดังนั้นจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อหาลูกค้าใหม่แทน

ปีที่แล้ววางกลยุทธ์ว่าจะบุกตลาด Hospitality หรือโรงแรมเป็นหลัก แต่ปรากฏว่ามีปัจจัยลบเข้ามา เมื่อนักท่องเที่ยวลดลง จนทำให้ความต้องการแรงงานในเซกเมนต์นี้ไม่เป็นไปตามคาด

ปีนี้เราเปลี่ยนมาโฟกัสที่ Data Center เพราะตอนนี้มีการลงทุนสร้าง Data Center ใหม่หลายแห่งในประเทศไทยและภูมิภาค ซึ่งอยู่ในช่วงเฟสที่ต้องการบุคลากรสายเทคนิคจำนวนมาก

กลุ่มพลังงาน ซึ่งต้องการใช้บริการ Outsource ในโรงงานหรือไซต์งานต่าง ๆ เช่นกัน

พนักงานขายที่เรียกว่า Product Consultant ได้ขยายไปเพิ่มกลุ่มใหม่ ๆ ด้วย เช่น BA (Beauty Advisor): ขายสินค้าในกลุ่มความสวยความงาม แม้พอร์ตยังไม่ใหญ่ แต่เริ่มทำได้และเริ่มติดตลาดแล้ว

“แนนเชื่อว่าเศรษฐกิจมีผลต่อเราสักครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งอยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี งานน้อยลงจริง แต่สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่บ่นหรือโทษเศรษฐกิจ แต่คือทำงานให้หนักกว่าเดิม เพื่อรักษาผลลัพธ์ไว้ และต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะถ้าทำแค่เท่าเดิม เราจะไม่มีวันเติบโต

ถามว่ามีความกังวลไหม แน่นอนว่ามีอยู่บ้างในใจ เพราะโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ยิ่ง PRTR โตขึ้น นักวิเคราะห์ก็มักจะถามเสมอว่า “จะรักษาการเติบโตได้เหมือนเดิมไหม”

หลักคิดในการบริหารคน

“ต้องฟังให้เยอะ” ฟังจนเข้าใจจริง ๆ ว่าคนที่ทำงานกับเราคิดอะไร ต้องการอะไร และรู้สึกอย่างไร

ธุรกิจของเราไม่เหมือนโรงแรมที่มีทำเลสวย ๆ ลูกค้าก็เดินเข้ามาเอง หรือไม่เหมือนร้านกาแฟที่ยังมีแก้วกับกาแฟอร่อย ๆ ให้ขาย แต่สิ่งที่เราขายคือ “คน” ซึ่งก็ต้องเอา “คน” ไปบริการ “คน” อีกต่อหนึ่ง มันซับซ้อนและท้าทายกว่ามาก คนหนึ่งคนก็มีเรื่องราวเป็นพัน ๆ เรื่องที่เราต้องเข้าใจ

ในการทำงานกับคนก็เช่นกัน ถ้าไม่ฟัง เราจะไม่สามารถ engage ไม่สามารถ motivate หรือ drive เขาได้เลย

เธอยอมรับว่า ในฐานะผู้บริหาร เรามักเผลออยากพูด อยากสรุปเร็ว ๆ โดยเฉพาะเวลามีน้อย สมัยก่อนลูกน้องยังไม่ทันจะอ้าปาก แนนก็ชอบบอกว่า “สั้น ๆ เลยนะ” อยากฟังแต่ใจความสำคัญ

“แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนใหม่หมดแล้วค่ะ ถ้าลูกน้องเข้ามาคุย แนนจะบอกว่า เต็มที่เลย เพื่อให้เขาได้เล่าจนจบ ได้แสดงความคิดจริง ๆ เพราะสิ่งที่เราอยากพูด มันคือสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดนั่นแหละ คือสิ่งที่เรายังไม่รู้”

“สู้ต่อไปนะคะน้อง ๆ เราต้องทำได้” กลายเป็นคำติดปากของทีมเราไปแล้ว เราผ่านอะไรหนัก ๆ มาเยอะแล้ว อย่างโควิดเรายังผ่านมาได้ แถมยังโตได้ด้วย แล้วทำไมครั้งนี้จะโตไม่ได้?

ความผันผวนของโลกปัจจุบัน  ทำให้โมเดลการเติบโตแบบ “เพิ่มจำนวนคน” ไม่ได้หวือหวาเหมือนเดิม แต่วันนี้ ผู้นำหญิงแกร่งของ PRTR กำลังพลิกองค์กรไปสู่การสร้างคุณค่าเพิ่ม ผ่านการ Training, Platform, M&A และการเจาะตลาดใหม่ ๆ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

“เราต้องทำได้” ริศรา เจริญพานิช ย้ำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 🟥

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer