ฟอร์ด ประเทศไทย อัปเดตกลยุทธ์การตลาด พร้อมเปิดส่วนแบ่งการตลาด “ฟอร์ด เรนเจอร์” และ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” อยู่อันดับ 3 ทั้งในเซกเมนต์รถกระบะและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง โดยเรนเจอร์มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 7.8% และเอเวอเรสต์ 17.4% เตรียมกระตุ้นตลาดรถกระบะ เปิดตัว “เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้” ในไทยปี 2569

คุณเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า การดำเนินงานของฟอร์ดในไทยเกิดจากความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่สั่งสมประสบการณ์มาเป็นระยะเวลานานกว่า 29 ปี 

ฟอร์ดมองว่าเราไม่ได้แค่ขายรถ แต่ต้องการมอบประสบการณ์ผ่านรถยนต์ ที่พร้อมพาลูกค้าออกไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือมีไลฟ์สไตล์แบบไหน รถฟอร์ดพร้อมเคียงข้างทุกเส้นทางชีวิต ด้วยสมรรถนะสุดแกร่งและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่พึ่งพาได้

ฟอร์ดได้เผยกลยุทธ์การทำการตลาด 3 ด้าน ได้แก่ นวัตกรรมที่นำตลาด ​และสินค้าโดนใจลูกค้า, เข้าใจลูกค้า และมอบคุณค่าเหนือราคา และการสร้างประสบการณ์ให้คนรักแบรนด์จนบอกต่อ

ฟอร์ดดำเนินธุรกิจในไทยมาตลอด 29 ปี มียอดขายสะสมถึง 803,352 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568) ปัจจุบันมีรถที่ทำตลาดอยู่ 2 รุ่นหลัก ได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 

โดยฟอร์ดได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่างละเอียด เพื่อพัฒนารถรุ่นย่อยใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร ครอบครัว สายลุยออฟโรด ไปจนถึงลูกค้ากลุ่มพรีเมียม

ฟอร์ดยังเตรียมเปิดตัว “ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้” ในไทยปี 2569 ที่จะสร้างแรงขับเคลื่อนให้ตลาดรถกระบะ และสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

ทั้งนี้ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและมีคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ ลงเล่นในสนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ดเน้นย้ำการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด โดยให้ความสำคัญด้านการมอบความคุ้มค่า และการสร้างการรับรู้แบรนด์

ส่วนความคุ้มค่า ฟอร์ดไม่เพียงนำเสนอรถยนต์ที่มีราคาแข่งขันได้ แต่ยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดอยู่เสมอ เช่น ข้อเสนอพิเศษสำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหารถอเนกประสงค์ที่มีสมรรถนะครบครันในราคาระดับล้านต้น ๆ 

นอกจากนี้ ยังใช้กลยุทธ์ Data-Driven ในการออกแบบแคมเปญต่าง ๆ ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น แคมเปญ “โปรยิ้มกว้าง” ที่นำเสนอรูปแบบการชำระเงินที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเกษตรกรโดยเฉพาะ

อีกหนึ่งจุดแข็งที่โดดเด่นของฟอร์ดคือการมีโรงงานผลิตในประเทศไทยถึง 2 แห่งที่จังหวัดระยอง ได้แก่ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (เอเอที) ที่ฟอร์ดได้ร่วมทุนกับมาสด้า โรงงานทั้ง 2 แห่งนี้ส่งออกรถฟอร์ดไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก 

เมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ฟอร์ดยังได้เปิดใช้งานศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ที่มีพื้นที่เก็บชิ้นส่วนอะไหล่กว่า 40,000 ตารางเมตร สามารถเก็บสำรองอะไหล่ได้สูงถึง 4.3 ล้านชิ้น

ด้านการสร้างการรับรู้แบรนด์ ฟอร์ดทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายประเภท อีกทั้งยังมุ่งสานสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า และเฟ้นหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อร่วมสร้างการรับรู้และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ช่วยให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer