หลัง Taylor Swift ประกาศออกอัลบั้มชุดใหม่ในชื่อ Life of a Showgirl ช่วงตุลาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีให้ฟังทั้งในรูปแบบสตรีมมิง แผ่นเสียง และเทป
โดยประเด็นน่าสนใจอยู่ที่สื่อบันเทิงอย่างหลังสุด ที่กลับมาคืนชีพและนักร้องหญิงเบอร์ใหญ่สุดยุคนี้ก็ต้องออกมาเอาใจเหล่าแฟนเพลงของเธอที่เรียกว่า Swifties
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเทปกลายเป็นสื่อบันเทิงที่ศิลปิน-นักร้องดังๆ ยุคนี้ทุกเบอร์ต้องมีเมื่อออกอัลบั้มใหม่ และนี่คือการนำพลังของแฟนตัวจริง (Super Fans) มาต่อยอดสู่แผนการตลาด
Luminate บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลวงการบันเทิง เปิดเผยว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา ยอดขายเทปในสหรัฐฯ สูงถึง 436,400 ตลับ แม้มันเทียบไม่ได้กับยุครุ่งเรืองที่เคยขายได้ 440 ล้านตลับต่อปี

แต่นี่คือการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากยอดขายเพียง 80,720 ตลับในปี 2015 ซึ่งเป็นการฟื้นคืนชีพที่น่าทึ่งของสื่อบันเทิงที่หลายคนคิดว่าตายไปแล้ว
Charlie Capelaine เจ้าของร้านเทปออนไลน์ Tapehead City กล่าวว่า แม้เทปยังไม่แรงเท่าแผ่นเสียงไวนิล แต่ก็กำลังกลับมาอย่างช้าๆ โดยได้แรงหนุนจากแฟนเพลงที่ต้องการประสบการณ์ที่ใกล้ชิดและจับต้องได้กับผลงานของศิลปิน
เจ้าของร้านออนไลน์รายนี้กล่าวเสริมว่า ในยุคที่ทุกอย่างเป็นแค่ไฟล์ที่เราเช่าฟังในโทรศัพท์ การฟังเทปจึงให้ประสบการณ์ที่ต่างออกไป มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ
แต่นั่นคือเสน่ห์ของมัน เพราะคุณต้องพลิกตลับเทปเพื่อฟังอีกด้าน นั่งมองปกอัลบั้ม และตั้งใจฟังเพลงไปจนจบ มันทำให้คุณเชื่อมต่อกับดนตรีด้วยประสาทสัมผัสที่มากกว่าเดิม
Corey First เจ้าของร้าน Retrospekt ที่ชุบชีวิตเทคโนโลยีเรโทร เสริมว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของเธอคือกลุ่ม Gen Z ที่เกิดไม่ทันยุคที่เทปบูม รวมไปถึง Gen Y ที่ยังทันช่วงบูม ซึ่งกำลังพยายามลดการใช้สมาร์ตโฟน และลองฟังเพลงในแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาสตรีมมิงบ้าง
ข้อมูลจาก Luminate ยังเผยอีกว่า กำลังหลักที่ชุบชีวิตให้เทปคืนชีพคือ Super Fans ซึ่งคิดเป็น 18% ของผู้ฟังเพลงในสหรัฐฯ
โดยคนกลุ่มนี้จะสนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบอย่างน้อย 5 ช่องทาง เช่น ฟังเพลงผ่านสตรีมมิง, ไปดูคอนเสิร์ต และซื้อผลงานแบบที่จับต้องได้ (เช่น เทป หรือซีดี) โดยพวกเขาใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อผลงานเพลงเฉลี่ยเดือนละ 39 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,400 บาท) ซึ่งมากกว่าแฟนเพลงทั่วไปถึง 105% เลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ แฟนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็น Gen Z โดยศิลปินที่มียอดขายเทปคาสเซ็ตสูงสุดในปี 2025 คือศิลปินยอดนิยมขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง Chappell Roan, Sabrina Carpenter และ Charli XCX
นอกจากนี้ Gen Z ยังเป็นกลุ่มประชากรที่ซื้อเทปคาสเซ็ตมากที่สุดในสหรัฐฯ โดย 9% ของผู้ฟังกลุ่มนี้ซื้อเทปอย่างน้อยหนึ่งตลับในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การกลับมาของเทปไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะเลิกใช้บริการสตรีมมิง แต่พวกเขามองว่าสื่อบันเทิงที่จับต้องได้เหล่านี้ถือเป็นส่วนเติมเต็มประสบการณ์ของเหล่า Super Fans นั่นเอง
Matt Best รองประธานฝ่ายวิจัยของสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) กล่าวว่า แฟนๆ กำลังมองหาความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับศิลปินและผลงานของพวกเขา คล้ายกับการสะสมสินค้าอื่นๆ ของศิลปิน
RIAA เผยว่า ยอดขายสื่อบันเทิงแบบจับต้องได้โดยรวม (แผ่นเสียง, ซีดี และเทป) ในปี 2024 เพิ่มขึ้น 5% มีมูลค่าถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64,900 ล้านบาท)
แน่นอนว่า Taylor Swift ไม่ใช่ศิลปินคนแรกที่ทำเช่นนี้และชุดใหม่ที่ใกล้ออกก็ใช่ชุดแรกที่จะขายแบบเทปด้วยเช่นกัน

โดยในปี 2023 อัลบั้ม 1989 (Taylor’s Version) ที่เธออัดเสียงใหม่จากปัญหาลิขสิทธิ์ ทำยอดขายในสหรัฐฯ ได้ 17,500 ตลับ และ Speak Now (Taylor’s Version) ขายได้ 11,500 ตลับ
การตัดสินใจของเธอจึงเป็นการตอกย้ำเทรนด์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การนำอัลบั้มเก่ามาผลิตซ้ำ แต่ศิลปินจำนวนมากก็ออกอัลบั้มใหม่ในรูปแบบเทปด้วยเช่นกัน
จากทั้งหมดจึงสามารถสรุปทิ้งท้ายได้ว่า เทปไม่ใช่แค่การโหยหาอดีต (Nostalgia) อีกต่อไป แต่มันได้กลายเป็นวัฒนธรรมย่อย และการแสดงตัวเป็น Super Fans ของบรรดา Gen Z พร้อมกันนี้ยังได้เป็นพลังการตลาดที่สำคัญของศิลปินยุคนี้อีกด้วย / cnn
