พันธุ์ไทย เปิดกลยุทธ์สู่ความสำเร็จในฐานะผู้ท้าชิงของธุรกิจร้านกาแฟ
กาแฟพันธุ์ไทย หนึ่งในผู้ท้าชิงตลาดร้านกาแฟที่น่าจับตา บทความนี้สรุป 10 ประเด็นสำคัญที่สะท้อนเส้นทางและกลยุทธ์ของกาแฟพันธุ์ไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากเวที Marketeer Talk Ep. The Challenger Session กาแฟพันธุ์ไทย โดย สุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด
1.กาแฟพันธุ์ไทยเกิดขึ้นเพราะสถานีบริการน้ำมัน PT
ร้านกาแฟพันธุ์ไทยเกิดขึ้นในปี 2555 ผ่านสาขาแรกในสถานีบริการน้ำมันพีที สาขาบางประหัน เนื่องจากเป็นร้านที่ถือกำเนิดจาก PTG
ในเวลานั้น พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีบริการน้ำมันพีที มีไอเดียในการนำร้านกาแฟที่มีจุดเด่นของการนำเมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% จากแหล่งปลูกในประเทศไทย มาให้บริการเพื่อเจาะกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการกาแฟคุณภาพสูง ราคาย่อมเยา
2.ขาดทุน 9 ปี เพราะผู้บริโภคไม่รู้จักแบรนด์และยังคิดว่ารสหวาน มัน เข้ม
ในช่วงเวลา 9 ปีแรกของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย เป็นช่วงเวลาที่ยืนอยู่บนความท้าทายของพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมกาแฟเข้ม หวาน มัน ซึ่งสายพันธุ์อาราบิก้า 100% ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เท่ากับสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ร้านกาแฟระดับแมสอื่น ๆ เสิร์ฟให้กับลูกค้า ซึ่งผู้บริหารมองว่าต้องใช้เวลาให้ผู้บริโภคดื่มจนเกิดความคุ้นชิน
ประกอบกับ Brand Awareness และจำนวนสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยมีเพียงเฉพาะในสถานีบริการน้ำมัน ที่ต้องใช้เวลาในการสร้างการรับรู้ และการขยายสาขาไปยังทำเลใหม่ ๆ รวมถึงการขยายสาขาออกจากสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเก่ามากขึ้น
3.ขยายสาขาจากดาต้าเบส
การขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นการขยายสาขาผ่านดาต้าเบสของลูกค้า Max Card ซึ่งเป็นระบบ CRM ในเครือ PTG และดาต้าเบสของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ เพื่อมองหาทำเลที่ลูกค้านิยมทานกาแฟ ก่อนตัดสินใจเปิดสาขาใหม่ ๆ และพบว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นพื้นที่ที่ลูกค้าให้การตอบรับมากที่สุด
4.ใช้ Max Card ดึงลูกค้าดื่มประจำ
นอกเหนือจากการทำดาต้าเบสจาก Max Card มาหาทำเลใหม่ ๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย กาแฟพันธุ์ไทยยังขับเคลื่อนยอดขายผ่านพรีวิเลจที่ Max Card มอบให้กับลูกค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าและดึงดูดลูกค้าที่ใช้ Max Card (บัตรเขียว) และ Max Card Plus (บัตรแดง) เข้ามาเป็นลูกค้าประจำของพันธุ์ไทย ผ่านแต้มสะสม ส่วนลดต่าง ๆ ที่ได้รับ ทำให้ที่ผ่านมาลูกค้ากาแฟพันธุ์ไทยมากถึง 75% เป็นสมาชิกของ Max Card

5.สร้างสีสันข้างแก้ว, วัตถุดิบท้องถิ่น และการจับมือพันธมิตรสร้างความแปลกใหม่
ในเมนูบางเมนูของพันธุ์ไทย มีการตกแต่งแก้วเป็นเลเยอร์สดใส สร้างความอยากดื่มที่เพิ่มขึ้น รวมถึงนำวัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น ส้มปิ๊ด มะม่วงเบา และอื่น ๆ เข้ามาเป็นเมนูประจำและเมนูพิเศษ
ตลอดจนจับมือกับพันธมิตร เช่น กระทิงแดง เพื่อนำเสนอเมนูกาแฟที่มีส่วนผสมจากกระทิงแดง พร้อมตั้งชื่อให้ดึงดูดความสนใจ เป็นต้น
6.จอง คัลแลน ขยายฐาน Gen Y-Z
ปีที่ผ่านมา กาแฟพันธุ์ไทยได้ออกเมนู “ไทยริกาโน่” พร้อมกับแต่งตั้ง “จอง” และ “คัลแลน” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Y และ Gen Z จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าหลักคือ Baby Boomer และ Gen X
7.รสชาติต้องซ้ำ มาตรฐานเดียวกัน
สิ่งที่กลัวมากที่สุดสำหรับธุรกิจกาแฟที่มีสาขาจำนวนมากคือ รสชาติที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้กาแฟพันธุ์ไทยมีการจัดอบรมบาริสต้าผ่านศูนย์อบรมที่มีมากกว่า 200 จุดทั่วประเทศ พร้อมตรวจสอบและฟังความคิดเห็นของลูกค้าผ่านโซเชียล เพื่อนำพนักงานสาขาที่มีคอมเพลนจากลูกค้ามารีสกิลให้ได้มาตรฐานเดียวกัน

8.เป้าหมาย พันธุ์ไทย ต้องมีทุกอำเภอ สู่ 5,000 สาขาในปี 2571
ในปัจจุบัน กาแฟพันธุ์ไทยมีสาขาทั่วประเทศ 1,800 สาขา และวางเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 5,000 สาขา กระจายอยู่ทุกอำเภอในปี 2571
การขยายสาขาของพันธุ์ไทยจะเน้นสัดส่วนร้านที่เปิดเอง 80% และแฟรนไชส์ 20% เพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการให้มากที่สุด
9.เปิดตลาด สปป.ลาว
ในการเปิดตลาดใน สปป.ลาว 4 สาขา ผ่านแบรนด์ PUN Café จากการปรับชื่อให้เหมาะสมกับท้องถิ่น
10.คิดใหญ่แบบ Underdog
กาแฟพันธุ์ไทยได้ฝากข้อคิดถึงผู้ประกอบการรายเล็กที่เผชิญหน้ากับการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ว่า ความสำเร็จเกิดขึ้นได้จากการลงมือทำ เชื่อมั่น สู้ไม่แพ้ และหาจุดแข็งและทำให้ต่าง ก็สามารถชนะได้ เพราะที่ผ่านมาเครือ PTG ถือเป็นรายเล็กที่สู้แบบ Underdog บนแนวคิด “ให้เล็งพระอาทิตย์ไว้ ทำไม่ได้ ได้พระจันทร์ก็ยังดี”
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
