กลยุทธ์สร้างการเติบโตของ La Roche-Posay ในตลาดเวชสำอางที่มีการแข่งขันสูง
ตลาดเวชสำอางในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี และปีนี้ อรวรรณ ลาภอำนวยผล ผู้จัดการทั่วไป แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่าจะเติบโตมากถึง 2 หลัก
การเติบโตของตลาดสกินแคร์เวชสำอางส่วนหนึ่งมาจาก
1.ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดเวชสำอางมีผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งแบรนด์ไทยและเทศเข้ามาแข่งขันจำนวนมาก และการแข่งขันนี้เป็นเหมือนการให้การรับรู้ ความเข้าใจกับผู้บริโภคในการใช้เวชสำอาง จากการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ที่เวชสำอางสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาด้านผิวให้กับผู้บริโภคตามจุดเด่นของแต่ละแบรนด์ จนสามารถขยายฐานไปยังผู้บริโภคหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
2.นอกเหนือจากฝุ่น แสงแดด และมลพิษต่างๆ ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคมีผิวที่บอบบางลงจนหันมาเลือกใช้เวชสำอางเพื่อดูแลผิวมากขึ้น การสื่อสารการตลาดของแบรนด์เวชสำอางยังทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มมีความเชื่อว่าตัวเองมีผิวที่บอบบางด้วยเช่นกัน
3.แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ผู้บริโภคที่ใช้เวชสำอางอยู่เป็นประจำมองว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง
4.การเพิ่มสูงขึ้นของสังคมสูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสภาพผิวบอบบางและแห้งจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น และแบรนด์เวชสำอางได้มีการสื่อสาร สร้างการรับรู้ และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนี้
5.คนไทยเริ่มใช้สกินแคร์ตั้งแต่อายุยังน้อย และมองหาสกินแคร์ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น สกินแคร์ในกลุ่มเวชสำอาง
ภายใต้โอกาสบนการแข่งขันที่สูงขึ้นของตลาดเวชสำอาง La Roche-Posay ได้วางกลยุทธ์รักษาและขยายฐานลูกค้า เพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 3 ของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย
1.ทำงานร่วมกับแพทย์ผิวหนัง เพื่อเป็นกระบอกเสียงในการแนะนำสินค้าถึงมือผู้บริโภค จากการที่ผู้บริโภคเข้ามารับการรักษาด้านผิว เนื่องจากผู้บริโภคที่มีปัญหาด้านผิวจะนิยมเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผิวหนัง
2.สร้างความแตกต่างผ่านนวัตกรรมที่ค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมสื่อสารให้ความรู้ ความเข้าใจในการเข้าถึงการดูแลผิว และสินค้าที่ตอบโจทย์การดูแลผิวในด้านต่างๆ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ La Roche-Posay ว่าเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง
3.ใช้ Influencer ในการขยายการรับรู้ผ่านคอนเทนต์ที่เข้าใจง่ายไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง และการใช้ Influencer ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ La Roche-Posay เข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้มากขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์อยู่ในช่วงอายุ 25-44 ปี
4.ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Silver Gen ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี และเป็นกลุ่มที่เริ่มมีปัญหาผิวบอบบางและแห้งจากอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงนำสินค้าเข้าไปตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยมะเร็งที่มีผิวบอบบาง หรืออักเสบจากผลข้างเคียงในการทำคีโม เป็นต้น
5.ให้ความสำคัญกับพนักงาน ณ จุดขาย เพื่อเป็นตัวแทนแบรนด์ในการให้ความรู้กับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมแนะนำสินค้าที่เหมาะกับปัญหาเฉพาะบุคคล ซึ่งการมีพนักงาน ณ จุดขายที่ให้ความรู้เป็นหนึ่งในโอกาสที่ทำให้ La Roche-Posay สามารถขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ทั้งเคยและไม่เคยใช้เวชสำอางมาก่อนได้
อย่างไรก็ดีการเติบโตของเวชสำอางสะท้อนชัดว่าผู้บริโภคกำลังให้ความสำคัญกับ สุขภาพผิว มากกว่าความสวยงามเพียงผิวเผิน และเทรนด์นี้เชื่อว่าจะคงอยู่ต่อไปอีกนาน
