เบื้องหลังรอยยิ้มและเสียงร้องไห้ครั้งแรกของทารก คือเรื่องราวแห่งความหวังของครอบครัวที่เคยเผชิญความสิ้นหวังว่าจะไม่มีวันได้อุ้มลูกของตนเอง
เบื้องหลังความสุขเหล่านั้น มีบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง นพ. วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) SAFE ผู้เลือกเดินเส้นทางที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่น เพื่อออกมาบุกเบิกเทคโนโลยีเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในประเทศไทยยาวนานเกือบ 20 ปี
จุดเริ่มต้นของเส้นทาง นักบุกเบิก IVF ไทย
คุณหมอ จบแพทยศาสตร์บัณฑิต (พ.บ.) ด้านสูตินรีเวชวิทยา ในปี 2531 และเริ่มมองเห็นว่า เทคโนโลยีด้านสูติทั่วไป โดยเฉพาะการทำคลอดยังมีไม่มากนัก
ความสนใจในเรื่อง “การมีบุตรยาก” จึงเริ่มต้นจากจุดนั้น เพราะมองว่าเป็นสาขาที่ท้าทาย เต็มไปด้วยโอกาสในการพัฒนา มีเทคโนโลยีใหม่ ๆที่น่าสนใจ และสามารถสร้างความหวังใหม่ให้กับครอบครัวมากมาย จนทำให้ตัดสินใจไปอบรมเพิ่มเติมที่ประเทศสิงคโปร์
“ในสมัยนั้น คนที่ไปหาหมอเพราะมีบุตรยาก มีโอกาสสมหวังเพียงแค่ 20–30% เท่านั้น ผมจึงเชื่อว่าถ้าเราใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย โอกาสสำเร็จน่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด อาจสูงถึง 90% ซึ่งเป็นความหวังที่มากกว่าที่เคยมีมาแน่นอน”
ปี 2550 ได้ตัดสินใจ เปิดคลินิกเพื่อการมีบุตร ที่ให้บริการครบวงจร ของตัวเองขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นตลาดเติบโตเร็ว นับว่าเป็นความคิดที่มาถูกทาง ตลาด IVF เริ่ม “บูม” อย่างมากประมาณปี 2554 หลังจากการพัฒนาเทคโนโลยีการแช่แข็งตัวอ่อนและการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน ซึ่งเพิ่มอัตราความสำเร็จและความปลอดภัยอย่างก้าวกระโดดทำให้คนสนใจในการทำมากขึ้น
เทรนด์ ฝากไข่ มีลูกเมื่อพร้อมมาแรง
ตลาด “IVF” โดยทั่วไปไม่ได้หมายถึงแค่ การทำเด็กหลอดแก้วเท่านั้น แต่ยังครอบคลุม บริการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใน ecosystem การมีบุตรยาก เช่น การฝากไข่ การฝากตัวอ่อน การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน รวมทั้งการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมเพื่อป้องกันการถ่ายทอดสู่บุตร เช่น ธาลัสซีเมีย หรือ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ปัจจุบัน แม้ภาพรวมคนต้องการมีลูกน้อยลง และหลายคนตัดสินใจมีลูกเมื่ออายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเพราะแต่งงานช้าลงหรือภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย แต่การมีลูกในวัยที่มากขึ้นก็มาพร้อมความกังวล ทั้งเรื่องคุณภาพไข่และสุขภาพของลูก ทำให้มีความต้องการเทคโนโลยีช่วย มากขึ้นเช่นกัน หลายคนเลือก ตรวจคัดกรองและฝากไข่/ฝากตัวอ่อนล่วงหน้า เพื่อเก็บช่วงเวลาที่ร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดไว้ก่อน
“จริง ๆ คนอายุราว ๆ 30 ยังไม่ค่อยเข้ามาเป็นคนไข้หรอกครับ เพราะยังเชื่อว่ายังมีลูกกันเองได้ แต่พออายุเลย 30 ไป โดยเฉพาะช่วง 35 ขึ้นไป จะเห็นชัดเลยว่าคนกลุ่มนี้เข้ามาปรึกษาเยอะมาก”
จาก Word of Mouth สู่ Online Marketing
คุณหมออธิบายการทำตลาดในธุรกิจนี้ว่า
“ตอนที่เราเริ่มทำธุรกิจ ถือว่าโชคดีเพราะคู่แข่งยังไม่มาก การทำการตลาดก็ไม่ซับซ้อน แค่เปิดเว็บไซต์ ตอนนั้นเฟซบุ๊กยังไม่ค่อยได้ใช้กัน ติ๊กต็อกก็ยังไม่มีเลย คนไข้ส่วนใหญ่รู้จักเราผ่าน การบอกต่อจากปากต่อปาก”
เมื่อประสบความสำเร็จ คนไข้ที่ได้ผลดีก็เล่าต่อ ทำให้ชื่อเสียงขยายออกไปเอง และเพราะเราอยู่ในกลุ่มแรก ๆ ของอุตสาหกรรม ทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันประเทศอินเดียและเวียดนามเป็นตลาดที่เติบโตขึ้น รวมถึงตลาดญี่ปุ่นที่เราสร้างฐานไว้ได้ดี ซึ่งเป็นกลุ่ม Expats
จาก Word of Mouth สู่ Online Marketing ปัจจุบัน SAFE เน้นการทำตลาด ออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
ปัญหา ความท้าทาย และโอกาส
ปัจจุบันการทำธุรกิจนี้ยังมีอุปสรรคหลายเรื่อง แต่คาดว่าเมื่อได้รับการแก้ไขจะพลิกกลับเป็นโอกาสของการเติบโตที่สำคัญเช่น
1.ประเทศไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว แต่คู่รักเพศเดียวกันยังไม่สามารถทำเด็กหลอดแก้วได้
2.ในเรื่องเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศฟื้นตัว จะช่วยให้คนไข้กลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
3.ราคา การ เข้าถึง คืออุปสรรค สำคัญ
เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ราคาการทำ IVF ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เข้าสู่ช่วงขาลงแล้ว เพราะมีคลีนิกมีบุตรยากเกิดขึ้นมากมาย การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น ทำให้ราคาลดลงและเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม
ข้อได้เปรียบของ SAFE คือมี 5 สาขา จึงสามารถปรับรูปแบบบริการและราคาให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้ สาขาในทำเลหลัก (Prime Area) อาจตั้งราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนและคุณภาพ แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัด ราคาก็จะปรับลง ให้เหมาะกับกำลังซื้อ
การตัดสินเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อ ปี2566 เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ความยั่งยืน และความสามารถในการขยายธุรกิจ รวมถึงดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพ เปรียบเสมือนการตอกย้ำความมั่นใจให้กับคนไข้อีกขั้นหนึ่งด้วย

คนเลี้ยงหมาแมวเป็นลูกไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาส
แม้ปัจจุบันจะมีคนจำนวนมากเลือกเลี้ยงหมาแมวเป็นลูก แต่ตลาด IVF ไม่ได้หายไปไหน เพราะยังมีอีกกลุ่มที่อยากมีลูกจริง แต่มีลูกยาก หรือบางคนตอนแรกตัดสินใจว่าไม่อยากมีลูก แต่ภายหลังเปลี่ยนใจ จึงต้องพึ่งเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์
คุณหมอบอกว่า ถ้าเปรียบเทียบในอดีต สมมติคู่แต่งงาน 100 คู่ อาจมีเพียง 5 คู่ที่ต้องใช้เทคโนโลยีช่วยมีบุตร แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 20 คู่ ซึ่งทำให้ตลาด IVF ยังคงเติบโต
คุณหมอยังย้ำอย่างมั่นใจว่า
“การทำ IVF ไม่ใช่แค่การได้ลูก แต่คือการได้ “ลูกที่สมบูรณ์แข็งแรง” เป็นการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่เน้นคุณภาพมากกว่าจำนวนด้วยครับ” 🟥
