WHOOP สายรัดอัจฉริยะไร้หน้าจอที่นักกีฬาระดับโลกสวมใส่ โลกคู่ขนานของ Apple watch

สายรัดอัจฉริยะที่กำลังมีฐานผู้ใช้ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก แต่ไร้หน้าจอให้กดเล่น ฟังเพลง หรือรับสาย แต่ทำไมลูกค้าผู้สวมใส่ต่างก็เป็นถึงนักกีฬาระดับโลก คนดัง นักธุรกิจแนวหน้า 

WHOOP เข้ามาตีตลาดอันแข็งแกร่งที่ Apple, Google, Oura ครองตลาดอยู่ได้อย่างไร

หลายคนถ้าไม่ได้รู้จักแบรนด์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็คงเคยได้ยินผ่านหูจากคลิปไวรัลที่สัมภาษณ์วงนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทยว่าใส่นาฬิกาอะไรกัน คำตอบที่ได้แทบจะเหมือนกันหมด คือ WHOOP

WHOOP คือแบรนด์อะไร

WHOOPคือสายรัดอัจฉริยะสำหรับตรวจวัดสุขภาพเชิงลึก เริ่มต้นในปี 2012 โดย Will Ahmed นักกีฬาสควอชรุ่นเยาว์ในทีมมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เล็งเห็นว่าตนเองไม่มีความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพทางสรีรวิทยาในฐานะนักกีฬา  เลยเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พัฒนานวัตกรรมชิ้นหนึ่งขึ้นมา

Ahmed ได้ชวนเพื่อนนักศึกษาฮาร์วาร์ดอีกสองคนคือ John Capodilupo ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และ Aurelian Nicolae ผู้เชี่ยวชาญวัสดุศาสตร์ มาร่วมกันสร้างอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือที่ให้ข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคล มากกว่าแค่การวัดอัตราการเต้นของหัวใจและจำนวนก้าวแบบเดิม 

แต่เน้นไปที่ตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่ช่วยติดตามการฟื้นตัว เช่น ความเครียด และการนอนหลับ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สวมใส่รุ่นแรก ๆ ที่มีการติดตามการนอนหลับและการฟื้นฟู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างสมดุลในการฝึกซ้อม ลดอาการบาดเจ็บ จากการออกกำลังกาย โดยจะรวบรวมข้อมูลทางสรีรวิทยาตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อให้เข้าใจร่างกายผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ

ในปี 2015 WHOOPเปิดตัวสู่สาธารณะ ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักกีฬาระดับแนวหน้าที่ต้องการความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับ ตัวอย่างผู้ใช้งานก็ได้แก่ Michael Phelps, LeBron James ไปจนถึง Cristiano Ronaldo

ในปี 2017 MLB ได้อนุมัติให้ผู้เล่นใช้WHOOPระหว่างการแข่งขัน ซึ่งนั่นทำให้WHOOPได้ประกาศข้อตกลงกับสมาคมผู้เล่นฟุตบอลแห่งชาติ (NFLPA) เป็นอุปกรณ์สวมใส่เพื่อการฟื้นฟูร่างกายที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก NFLPA ที่อนุญาตให้ผู้เล่น NFL สามารถนำข้อมูลสุขภาพของตนไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้

แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าWHOOPเติบโตแบบก้าวกระโดดได้นั้น เพราะมาถูกจังหวะพอดี ในปี 2015 เมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการสู่สาธารณะ  ตรงกับช่วงเทรนด์สุขภาพมาแรง อุปกรณ์ที่ติดตามสุขภาพและ well-being จึงมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น 

ตลาดอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2024 มีมูลค่าสูงถึง 6.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะสูงถึง 1.92 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 เนื่องจากผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับสุขภาพและใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากนั้น มีโรงยิม คลับสุขภาพ และคลับฟิตเนสในสหรัฐอเมริกาเพิ่มมา 115,000 แห่ง เพิ่มขึ้นจาก 89,000 แห่งในปี 2013 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 29% และคาดการณ์อีกว่าจำนวนนักกีฬามืออาชีพจะเพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดทศวรรษนี้

5 กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ WHOOP มาแรง

  1. เลือกกลุ่มลูกค้าชัด

WHOOPมุ่งเน้นไปที่บุคคลเฉพาะกลุ่มอย่างเด่นชัด นั่นคือ นักกีฬาระดับแนวหน้า องค์กรธุรกิจ และผู้ให้บริการและระบบการดูแลสุขภาพขนาดใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับและลดความเครียดให้บุคลากรในองค์กรเหล่านั้น กลยุทธ์ของแบรนด์ตั้งแต่วันแรกคือยึดหลักการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกไม่ใช่ข้อมูลทั่วไป

2.ขายความแม่นยำ น่าเชื่อถือ ก็ต้องเลือกคนสวมใส่ให้ดี

ระหว่างปี 2012 ถึง 2016 WHOOPได้ทำงานโดยตรงกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียง โดยใช้เวลาเพื่อเจาะลึกข้อมูลเชิงลึกและคุณภาพของข้อมูล จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการเป็นอุปกรณ์สวมใส่อย่างเป็นทางการสำหรับนักกีฬา MLB และ NFL รวมถึงหน่วยซีลของกองทัพเรือ

WHOOPไม่ต้องทุ่มทุนโฆษณาก็สามารถดึงดูดความสนใจของใครหลายคนได้ เพียงแค่อุปกรณ์นี้ไปปรากฏบนข้อมือของนักกีฬาคนดังทั้งในระหว่างการฝึกซ้อมและลงสนาม เพียงเท่านั้นก็ได้รับความน่าเชื่อถือไปโดยปริยาย ไม่ต้องอาศัยการโปรโมตหรือแคมเปญโฆษณายิ่งใหญ่ สิ่งนี้ทำให้ WHOOP ประสบความสำเร็จ

  1. Story+Social media

แข็งแกร่งในด้านกลยุทธ์คอนเทนต์ ตั้งแต่โซเชียลมีเดียไปจนถึงพอดแคสต์ที่แบรนด์ทำเอง เผยแพร่ในรูปแบบคลิปสั้นที่เจาะลึกถึงวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความเครียด การฟื้นตัวของร่างกาย  แปลงข้อมูลเชิงลึกให้กลายเป็นเรื่องราวที่ดึงดูดใจ อัพโหลดลงในแพลตฟอร์มโซเชียล แขกรับเชิญในพอดแคสต์ของWHOOPต่างก็เป็นคนดังมากมาย บางครั้ง Will Ahmed ผู้ก่อตั้งแบรนด์ก็เป็นคนมานั่งทอล์คแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเองด้วย ช่วยดึงดูดผู้ชมผู้ฟังได้ตลอด

  1. Subscription

WHOOPใช้รูปแบบธุรกิจแบบสมัครสมาชิกทำให้เกิดคอมมูนิตี้ และความจงรักภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งลูกค้าจะชำระค่าบริการรายเดือน รายปี หรือรายครึ่งปี ของแพลตฟอร์มWHOOP ซึ่งรวมอยู่ในค่าสมาชิกแล้ว สมาชิกจะสามารถอัปเกรดอุปกรณ์ได้ฟรีเมื่อมีการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่

  1. ราคาเหมาะสม

กลยุทธ์การกำหนดราคาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นกว่าคู่แข่ง WHOOPมอบฮาร์ดแวร์ให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ ในท้องตลาด โดยที่สายรัดจะรวมอยู่ในราคาสมาชิกแล้ว แต่แลกมาด้วยค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกรายเดือนจากผู้ใช้แทน เพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มวิเคราะห์

รุ่นยอดนิยม คือ WHOOP 4.0

อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์หลักของWHOOPคืออุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายและร่างกายแบบสวมใส่ที่เรียกว่าWHOOP 4.0 ซึ่งเปิดตัวในปี 2021 ไร้หน้าจอออกแบบมาเพื่อสวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ต่างจากอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ ที่มีหน้าจอ ความบันเทิง การนำทาง 

แต่WHOOPออกแบบมาเพื่อติดตามข้อมูลสรีรวิทยาของผู้ใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รบกวนสมาธิ ข้อมูลทั้งหมดจะดูได้ผ่านอุปกรณ์มือถือภายในแอปWHOOPไม่ใช่ที่หน้าจอ

ฟีเจอร์เด่นของWHOOP 4.0 ได้แก่ ขนาดที่เล็กลง 33% จากWHOOP 3.0, การชาร์จแบบกันน้ำขณะเดินทาง, รองรับ BLE, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 4-5 วัน, กันน้ำลึกสูงสุด 10 เมตร นอกจากนี้ยังติดตามข้อมูลไบโอเมตริกซ์ต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิผิว ออกซิเจนในเลือด และอื่นๆ อีกมากมาย

แอป WHOOP

สมาชิกสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งแบบสดและย้อนหลัง รวมถึงข้อมูลเชิงลึกแต่ละบุคคลได้ในแอปWHOOP ช่วยให้ผู้ใช้ประเมินการนอนหลับพักผ่อน ความเครียด นอกจากนี้ยังติดตามระยะการนอนหลับ อัตราการหายใจ และประสิทธิภาพการนอนหลับของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม  WHOOPต้องเผชิญการแข่งขันกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อื่น ๆ อีกมาก อาทิ Oura แหวนอัจฉริยะที่มีคุณสมบัติคล้ายกับWHOOP 4.0 ติดตามการเคลื่อนไหว จำนวนก้าว อัตราการเต้นของหัวใจ การฟื้นตัว วงจรการนอนหลับ และระดับออกซิเจนในเลือด

บริษัทยังมีการสมัครสมาชิกแอปแบบพรีเมียมในราคา 5.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน เช่นเดียวกับWHOOP, Apple Watch ใช้สำหรับการติดตามการออกกำลังกายและการนอนหลับ แต่WHOOPไม่ใช่สมาร์ทวอทช์ ไม่มีหน้าจอ ออกแบบมาเพื่อติดตามสุขภาพประสิทธิภาพสูง ไม่ใช่เพื่อมอบความบันเทิงด้วย, Fitbit เซ็นเซอร์ไร้สายแบบสวมใส่สำหรับติดตามกิจกรรมประจำวันของบุคคล บริษัทนี้ถูกซื้อไปโดย Google ในปี 2021 ด้วยมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์

แม้ว่าแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Amazon, Apple และ Google จะบุกเบิกตลาดเทคโนโลยีสวมใส่และนำเสนอฟีเจอร์ต่างๆ ที่คล้ายกับWHOOP แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือการยอมรับของนักกีฬาชั้นนำ

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า Apple มีความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีติดตามระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งในอนาคตอาจนำมาใช้กับ Apple Watch ได้ WHOOPอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

รวมไปถึงคู่แข่งอย่าง  Amazon ที่แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่รู้จักในด้านอุปกรณ์ติดตามสุขภาพแบบสวมใส่ แต่ก็มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางกว่า มีอำนาจด้านราคาที่น่าเกรงขาม และล่าสุดคือการเข้าถึงองค์กรด้านการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ ซึ่งWHOOPอาจแข่งขันได้ยาก

แต่ในขั้นแรกนั้น WHOOP สามารถหลีกเลี่ยงกับดักที่ใหญ่ที่สุดที่สตาร์ทอัพส่วนใหญ่มักจะตกหลุมพรางภายใน 5 ปีแรกของการดำเนินการได้สำเร็จ ซึ่งได้แก่ การสูญเสียโฟกัส การพยายามแก้ไขทุกความต้องการของผู้บริโภคอันส่งผลให้ต้องกระจายธุรกิจออกไป  WHOOPถือว่าก้าวข้ามบันไดขั้นนั้นมาได้แล้ว

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer