การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ กำลังส่งผลกระทบอย่างคาดไม่ถึง ท่ามกลางการออกมาเตือนของผู้เชี่ยวชาญว่า นโยบายนี้อาจเป็นเหมือนดาบสองคม และเข้าทางจีน
บราซิล ประเทศผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่สุดของโลก เริ่มมองจีนเป็นตลาดใหม่ที่อนาคตสดใส เมื่อต้องเปลี่ยนทิศทางส่งออก เพื่อหนีกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งสูงถึง 50% โดยนี่จะส่งผลต่อตลาดกาแฟในสหรัฐฯ เพราะกาแฟจากบราซิล คิดเป็น 1 ใน 3 ของการซื้อขายและบริโภคกันอยู่ในสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยืนยันได้จากการที่บริษัทกาแฟบราซิลกว่า 180 แห่ง ลงทะเบียนเพื่อส่งออกไปจีน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากนี้ เมื่อปี 2024 ผู้ผลิตกาแฟบราซิลหลายแห่งยังได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับ Luckin Coffee เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งของ Starbucks ในจีนอีกด้วย
ด้านผู้บริโภคในสหรัฐฯ ก็คงจะได้รับผลกระทบอีกในไม่ช้า โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาเมล็ดกาแฟจากบราซิลขนาด 5 ปอนด์ (ประมาณ 2.26 กิโลกรัม) อาจพุ่งสูงขึ้นถึง 25% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ซึ่งหมายความว่าคอกาแฟในสหรัฐฯ อาจต้องจ่ายแพงขึ้นถึง 7% ต่อแก้ว แม้ว่าร้านกาแฟจะพยายามแบกรับต้นทุนบางส่วนไว้แล้วก็ตาม
ส่วนที่อินเดียสถานการณ์ก็ไม่ได้ต่าง โดยสหรัฐสั่งเก็บภาษี 50% สำหรับสินค้านำเข้าต่างๆ เช่น สินค้าอย่างชาและอาหารทะเล ทำให้ผู้ส่งออกของอินเดียเริ่มหันไปหาจีน
K N Raghavan เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกอาหารทะเลแห่งอินเดีย เปิดเผยว่า คู่ค้าในสหรัฐฯ หลายรายได้ระงับการซื้อใหม่สำหรับสินค้าอย่างกุ้งแล้ว และบริษัทส่งออกอาหารทะเลประเภทนี้ของอินเดียต่างก็มองจีนไว้

ซึ่งหากสถานการณ์ในสหรัฐฯ ยังไม่ดีขึ้น บทบาทของจีนที่ปัจจุบันเป็นแหล่งส่งออกอันดับสองอยู่แล้ว ก็อาจทวีความสำคัญขึ้นมาในสายตาของอินเดีย
Abuthahir Aboobakar ผู้บริหารของบริษัทผู้ส่งออกอาหารทะเลอินเดียคาดว่า แม้ลูกค้าบางส่วนยังยอมจ่ายแพงอยู่ แต่หากสถานการณ์เลวร้ายลง ท้ายที่สุดบริษัทในความดูแลคงต้องหาทางออกเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งจีนและกลุ่มประเทศยุโรป รวมไปถึงลูกค้าอีก 60 ประเทศ ก็อาจช่วยกระจายสินค้าได้
จากทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นการส่งสัญญาณว่า นโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ กำลังกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ
เพราะแม้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ แต่อาจกลายเป็นว่า เป็นการเปิดโอกาสให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าใหญ่รายใหม่ของบรรดาประเทศผู้ส่งออกอาหาร
และผู้ที่ได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ต้องซื้ออาหารและเครื่องดื่มแพงขึ้น / bbc
