ความท้าทายรอบด้านทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง ภาระหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้ผลงานในปีที่ผ่านมาของ IKEA เติบโตต่ำ 1% 

ด้วยเม็ดเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคที่น้อยลง คนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น การจะใช้จ่ายครั้งหนึ่งต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า คุ้มราคา ยิ่งเมื่อสินค้าจีนราคาถูกบุกไทยจากทุกทิศทาง คนเลือกหันไปบริโภคสินค้าราคาถูกโดยไม่ได้คำนึงถึงความคุ้มค่าที่ต้องมาพร้อมคุณภาพ  แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าสินค้าคุณภาพดี ใช้ได้ยั่งยืน มีราคาที่เข้าถึงได้

เป็นที่มาของการประกาศทุ่มทุน 250 ล้านบาท ของอิเกีย สำหรับการปรับลดราคาครั้งใหญ่ตลอดปี เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าอิเกียได้ในราคาต่ำกว่า 200 บาท ถึง 2,500 รายการ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ และทำให้คนหันมาซื้อสินค้าจากแหล่งที่ได้มาตรฐาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้งานได้ยาวนาน ไม่เกิดเป็นขยะในภายหลัง

คุณลีโอนี่ ฮอสกิ้น ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก อิเกีย ประเทศไทย และเวียดนาม เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 กำลังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความตึงเครียดทางการค้าโลก ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

การเติบโตของอิเกียในปีที่ผ่านมาโดยรวมทรงตัว โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 1% จำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง

อิเกียได้เล็งเห็นความท้าทายดังกล่าว เลือกลงทุนอย่างมีเป้าหมายด้วยกลยุทธ์การลงทุนด้านราคา (Price Investment) ซึ่งการลงทุนครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ที่อิเกียปรับไปตามสภาพการณ์ของตลาดในแต่ละประเทศ ไม่ใช่ทุกประเทศจะใช้กลยุทธ์เช่นนี้ในการทำการตลาด 

การลดราคาเพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์อิเกียในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น แต่ไม่ประนีประนอมกับคุณภาพ ดีไซน์ ประโยชน์ใช้สอย และความยั่งยืนของสินค้า กับแคมเปญ “Everyday More Value คุ้มค่ากว่าในทุกวัน” ลดราคาตลอดหนึ่งปีเต็ม (กันยายน 2568 – สิงหาคม 2569)

การแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่รุนแรงสะท้อนจากการแข่งขันของแคมเปญ Double Day ต่าง ๆ ที่จัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำเรียกลูกค้า แต่สำหรับอิเกียการลดราคาครั้งนี้ไม่ได้แปลว่าจะลงไปเล่นในสงครามราคาเต็มตัว เพราะมีข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้า อาทิ นำสินค้าเก่ากลับมาขายคืนได้ในราคาดี จัดการวงจรการบริโภคสินค้าให้ยั่งยืน จำกัดการบริโภคเกินพอดี

อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา อิเกีย ประเทศไทยประสบความสำเร็จกับกลุ่มสินค้า Bedroom เครื่องนอน ทำให้สินค้ากลุ่มนี้ขายดีมากที่สุด จนทำสถิติยอดขายสูงสุดอันดับที่ 5 ของอิเกียทั่วโลก

ส่วนปีนี้ อิเกียปรับมาเน้นกลุ่มสินค้า IKEA Complete Kitchen, Cooking and Eating หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุดครัวซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมของคนไทยที่ชอบทำอาหาร  ผ่านแคมเปญ ‘แคมเปญ Whenever you’re cooking, it’s starts in the kitchen ความสุขไหนๆ เริ่มต้นได้ที่ห้องครัว’ มุ่งสื่อสารถึงความหลากหลายในการใช้งาน ความสะดวกสบาย คุณภาพ ในราคาเข้าถึงได้ 

ด้าน IKEA Food บริการอาหารในร้านให้ลูกค้าแวะมาพักผ่อนเติมพลังในพื้นที่ของอิเกีย ยังจำหน่ายอาหารบรรจุแพ็ครสชาติแบบสวีเดนแท้ ปัจจุบันมีสินค้าใน Swedish Food Market มากถึง 145 รายการ

ความสำเร็จสาขาเชียงใหม่

ในปี 2568 อิเกียได้เดินหน้าขยายจุดให้บริการลูกค้าแห่งที่ 5 ในประเทศไทย ณ เชียงใหม่ IKEA Chiang Mai Order Point ซึ่งเป็นรูปแบบสโตร์ใหม่บนพื้นที่ขนาด 708 ตร.ม. เน้นต้นทุนต่ำแต่เปี่ยมด้วยคุณค่า นำเสนอสินค้ากว่า 300 รายการสำหรับซื้อกลับทันที ภายใต้แนวคิดเล็กแต่ครบ สร้างสมดุลยอดขายระหว่างช่องทางดิจิทัล 51% และหน้าร้าน 49% สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างแข็งแกร่ง

ส่งผลให้อิเกียมองเห็นโอกาสในการขยายไปในภูมิภาคอื่น ๆ โดยในปี 2569 อิเกียวางแผนขยายการดำเนินงานในประเทศไทยเพิ่มเติมในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเดือนกรกฎาคม 2569

IKEA for Business

กลยุทธ์ของอิเกียจากนี้มุ่งเน้นการเติบโตแบบรอบด้าน โดยมีสองเสาหลักสำคัญคือฝั่ง B2C และ B2B ซึ่งการพัฒนา IKEA for Business นี้ เป็นโซลูชันสำหรับลูกค้าธุรกิจเพื่อนำเสนอทางเลือกด้านการตกแต่งสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ตอัพ SME ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มอบบริการครบวงจรตั้งแต่การวางแผนพื้นที่ การคัดเลือกเฟอร์นิเจอร์ การสั่งซื้อจำนวนมาก การจัดส่ง การประกอบ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับธุรกิจ  ยิ่งไปกว่านั้นยังให้บริการหลังการขาย ทั้งการดูแลรักษาและบริการผลิตภัณฑ์ เพื่อความอุ่นใจในระยะยาว

เป็นขาธุรกิจใหม่ของอิเกียประเทศไทยที่กำลังทำผลงานได้ดี  แม้จะยังเป็นสัดส่วนที่น้อยราว 3-5% ของยอดขายอิเกียทั้งหมด  ในปีที่ผ่านมา IKEA for Business มียอดขาย 137 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปี 2569 ไว้ที่ 170 ล้านบาท หวังแตะ 300 ล้านบาทภายในปี 2573 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตลาดประเทศไทยและความมุ่งมั่นระยะยาวในการพัฒนา B2B อย่างยั่งยืน  

 

ทั้งนี้ อิเกียมีแผนขยายจุดให้บริการลูกค้าทั้งในรูปแบบสโตร์และดิจิทัล เนื่องจากส่วนแบ่งยอดขายในปี 2568 มีความสมดุลระหว่างสโตร์ 73% และ IKEA.co.th  27% การขยายสาขาในทั้งสองรูปแบบเพื่อเข้าถึงครัวเรือนไทยให้มากขึ้น ขยายฐานลูกค้า และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน

ปี 2569 อิเกียได้ปรับแนวโน้มแผนดำเนินงาน เพื่อสะท้อนผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ท้าทาย และการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่รุนแรงขึ้น ตั้งเป้ายอดขายเติบโตที่ 6%


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer