The Phaithon จากอาหารเสริมสู่สกินแคร์ น้ำหอม และ Household ธุรกิจที่เติบโตด้วยของที่ขายได้จริง และลูกค้าที่ซื้อซ้ำ
สองปีก่อน Marketeer เคยถ่ายทอดเส้นทางของ “The Phaithon” (เดอะ ไพร์ทอน) จากความฝันเล็กๆ ของแม่ค้าที่เริ่มต้นขายอาหารเสริม จนกลายมาเป็นโรงงานผู้ผลิตที่ผู้ประกอบการหลายรายไว้วางใจ เวลาผ่านไปไม่นาน
วันนี้ The Phaithon กำลังยืนอยู่บนอีกจุดเปลี่ยนสำคัญ นั่นคือการขยายธุรกิจจากอาหารเสริมไปสู่ สกินแคร์ น้ำหอม และของใช้ในบ้าน (Household) ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้หลักการที่ไม่เปลี่ยนไปเลยนั่นคือ “ทำสินค้าที่ขายได้จริง ไม่ใช่แค่ทำให้มี”
แม้ปีที่ผ่านมาจะเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว วิกฤตน้ำท่วม และความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่The Phaithonก็ยังปิดยอดขายกว่า 350 ล้านบาท และเลือกเดินหน้า “ลงทุนเพิ่ม” ทั้งการสร้างโรงงานใหม่ การทำ R&D และการสร้างระบบ One Stop Service เพื่อให้ลูกค้าทำตลาดได้ครบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
จากโรงงานอาหารเสริม ขยายธุรกิจสู่สกินแคร์และน้ำหอม
The Phaithon เริ่มจากความถนัดในธุรกิจอาหารเสริมที่ทั้งทำและขายเองมาก่อนของ กรีน-อุไรวรรณ อาจศัตรู กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ไพร์ทอน และโอ้-ปฐวี ปานยิ้มภคกุล ที่ปรึกษาฝ่ายคอนเทนต์และการตลาด บริษัท เดอะ ไพร์ทอน จนสร้างฐานลูกค้าขนาดใหญ่ แต่คุณกรีนเล่าว่า การขายเพียงอาหารเสริมอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป เพราะตลาดความงามต้องครอบคลุมทั้ง “สวยจากภายใน” และ “สวยจากภายนอก” จึงเกิดการลงทุนใน โรงงานที่ 2 สำหรับสกินแคร์และน้ำหอม
ความจริงจังปรากฏตั้งแต่การสร้างทีม R&D ใหม่ ร่วมกับพาร์ตเนอร์เกาหลี เพื่อพัฒนาสูตรที่ผ่านการเทสหลายสภาพผิวอย่างเข้มงวด กว่าจะปล่อยสินค้าหนึ่งตัวออกตลาดต้องมั่นใจว่าปลอดภัยและได้มาตรฐาน ทั้ง ISO HACCP และ อย. จุดยืนคือไม่ปล่อย “ของที่ยังไม่พร้อม” ลงตลาด เพราะเชื่อว่าความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำลายความเชื่อมั่นที่สร้างมาอย่างยาวนาน
น้ำหอมก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่The Phaithonลงสนามด้วยความเชื่อมั่น ไม่ใช่แค่เพราะตลาดกำลังเติบโต แต่เพราะคุณกรีนมี Passion ส่วนตัวในเรื่องกลิ่น เธอเล่าว่าตัวเองเป็นสายสะสม Counter Brand มานาน มองเห็นว่าน้ำหอมไม่ได้จำกัดแค่ผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ยังครอบคลุมถึงน้ำหอมบ้าน น้ำหอมรถ และแม้กระทั่งน้ำหอมสายมู กลิ่นหอมเป็นสิ่งที่ “ติดตัว” และสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้ใช้ได้ทันที จึงเป็นโอกาสที่น่าลงทุน และทำให้The Phaithonสามารถขยายพอร์ตสินค้าในเชิง Lifestyle ได้ชัดเจนขึ้น

สินค้าจำเป็นที่ยืนหยัดในทุกวิกฤต
หากสกินแคร์และน้ำหอมคือการขยายพอร์ตในฝั่งความงาม “โรงงานที่ 3” ของ The Phaithon ก็คือการยืนยันว่าบริษัทไม่ได้สร้างธุรกิจบนกระแส แต่สร้างบน “สิ่งจำเป็นที่ผู้บริโภคต้องใช้ทุกวัน”
ความสำเร็จของแบรนด์ Easy easy gold ที่ทำร่วมกับคุณรุ้งลาวัลย์เป็นตัวอย่างชัดเจน จากจุดเริ่มต้นด้วยผงซักฟอกพัฒนาไปสู่ SKU หลากหลาย ทั้งน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และสเปรย์ฉีดผ้าหอม ที่สำคัญคือผลตอบรับจริงจากผู้บริโภคที่ซื้อซ้ำและบอกต่อจนทำให้สินค้าบางล็อตขายหมดในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เช่น น้ำยาสีชมพูที่ล็อตแรกผลิต 50,000 ซอง กลับหมดภายในเพียง 15 วัน สะท้อนว่าตลาด Household แม้จะมีเจ้าตลาดใหญ่ แต่ก็ยังมีช่องว่างสำหรับผู้เล่นที่เข้าใจผู้บริโภคจริง
โมเดลธุรกิจที่ไปไกลกว่า OEM
The Phaithonไม่ได้เป็นเพียงโรงงาน OEM ที่รับผลิตตามสั่ง แต่สร้างโมเดล One Stop Service เพื่อให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่การออกแบบสูตร การจด อย. การพัฒนา Storytelling ของสินค้า ไปจนถึงการทำ Content Marketing ที่ครบในงบเพียงหลักหมื่น
ที่โรงงานและออฟฟิศมีสตูดิโอถ่ายงานพร้อมทีมคอนเทนต์ให้บริการ ลูกค้าสามารถเข้ามาถ่ายภาพสินค้า วิดีโอ หรือแม้กระทั่งทำคอนเทนต์เบื้องหลังการผลิตเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ทันที โมเดลนี้ถูกออกแบบมาจาก “ความเข้าใจแม่ค้า” ที่คุณกรีนและทีมเคยเป็นมาก่อน พวกเขารู้ดีว่าแม่ค้าออนไลน์ไม่ได้อยากได้แค่สินค้า แต่ต้องการ “แพ็กเกจที่พร้อมขาย”

จุดต่างที่สร้างความมั่นใจ
คุณกรีนเล่าว่า ความแตกต่างของThe Phaithonอยู่ที่การทำสินค้าจากอินไซต์จริงของผู้บริโภค ไม่ใช่การคิดสูตรตามกระแสแล้วหวังว่าจะขายได้ คุณกรีนเล่าตรงไปตรงมาว่า ถ้าลูกค้าเป้าหมายคือสาวโรงงาน การทำครีมโทนเกาหลีอาจไม่ตอบโจทย์ แต่ต้องปรับเป็นสูตรสมุนไพรหรือโสมที่เข้ากับกำลังซื้อและรสนิยมจริง
ความต่างอีกด้านคือ ฐานลูกค้าจริง ที่บริษัทมีอยู่แล้วจากการขายอาหารเสริมและการเป็นแม่ค้ามาก่อน ทำให้รู้ว่าตลาดต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร สามารถแปลงข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไปสู่บรีฟ R&D ได้ตรงจุด และทำให้สินค้าที่ออกมามีโอกาสขายได้จริง
นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมทั้งสูตรกลางและเอกสารรับรองมาตรฐานไว้ให้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขึ้นสินค้าสู่ตลาดได้เร็วโดยไม่ลดทอนคุณภาพ
จากความล้มเหลวสู่บทเรียน
ไม่ใช่ทุกสินค้าThe Phaithonจะประสบความสำเร็จ เคยมีทั้งผงซักฟอกสีดำที่ขายไม่ออก หรือสเปรย์ที่กลิ่นไม่ติด แต่แทนที่จะยอมแพ้ กลับถูกเปลี่ยนบทบาทให้กลายเป็นสินค้ารองหรือของแถมในโปรโมชั่น ซึ่งกลายเป็นแคมเปญที่สร้างยอดขายได้ถล่มทลายและเคลียร์สต๊อกได้หมด นี่คือวิธีคิดที่เชื่อว่า “แม้สินค้าจะไม่ปัง แต่ทุกชิ้นสามารถสร้างมูลค่าได้ถ้าเราจัดวางให้ถูกตำแหน่ง”
ทั้งคุณกรีนและคุณโอ้ย้ำตรงกันว่า กุญแจสู่ความสำเร็จของThe Phaithonไม่ใช่เพียงคุณภาพสินค้า แต่รวมถึงการบริการและความจริงใจในการทำธุรกิจ จุดยืนที่อยากเห็นลูกค้าซื้อซ้ำและเติบโตไปพร้อมกับโรงงานคือแก่นที่ไม่เคยเปลี่ยน เพราะการหาลูกค้าใหม่อย่างเดียวไม่ยั่งยืน แต่การรักษาลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำคือความสำเร็จที่แท้จริง
“เราไม่อยากแค่ขายของให้ลูกค้า แต่อยากให้ลูกค้าเติบโตไปกับเรา ความสำเร็จของเขาคือความสำเร็จของเรา” คุณกรีนกล่าว

จาก Wellness สู่ Beauty และ Household
จากจุดเริ่มต้นเพียงโรงงานอาหารเสริม วันนี้The Phaithonกำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่การเป็นผู้เล่นที่มีครบทั้ง Wellness – Beauty – Household การเติบโตไม่ได้เกิดจากการไล่ตามกระแส แต่เกิดจากการสร้างสินค้าให้ขายได้จริงและลูกค้าซื้อซ้ำ
ในตลาดที่ผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว แบรนด์ต่างชาติบุกหนัก และยักษ์ใหญ่ลงมาเล่นออนไลน์ การยืนหยัดด้วยความจริงใจและการสร้างมาตรฐานที่จับต้องได้ อาจเป็นกุญแจที่ทำให้ The Phaithon ไม่เพียงแค่รอด แต่ยังเติบโตต่อเนื่องในเกมที่ท้าทายมากขึ้นทุกวัน
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /

