ยาคูลท์เป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ด้วยเอกลักษณ์ที่ทุกคนจดจำได้ดี คือ “สาวยาคูลท์” ที่พร้อมจัดส่งสินค้าถึงมือ
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Yakult นั้นจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นในชื่อ Yakult Honsha Co., Ltd (Symbol 2267.T)
แล้วยาคูลท์มีความเป็นมาอย่างไร ตัวเลขงบการเงินเป็นยังไงบ้าง?
หาคำตอบได้ที่นี่
.
จุดเริ่มต้นจากความตั้งใจแก้ปัญหาโรคระบาด
Yakult เริ่มต้นในทศวรรษ 1930 โดย ดร. มิโนรุ ชิโรตะ ที่เกิดในชนบทญี่ปุ่น ช่วงเวลานั้นการแพทย์ยังไม่เจริญมากนัก เขาจึงได้พบเห็นโรคระบาดมากมาย เช่น อหิวาตกโรคและโรคบิด
ปี 1921 เขาตัดสินใจเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเกียวโตอิมพีเรียล (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเกียวโต) เพราะอยากหาทางแก้โรคเหล่านั้น
และเขาก็ประสบความสำเร็จในการแยกและขยายสายพันธุ์ของแบคทีเรียที่สามารถอยู่รอดได้ในลำไส้ โดยตั้งชื่อมันว่า Lactobacillus casei Shirota
ในปี 1935 เขาเปิดตัวเครื่องดื่มหมักผสมแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพออกสู่ตลาดญี่ปุ่น ภายใต้เครื่องหมายการค้าว่า “Yakult” ซึ่งมาจากคำในภาษาเอสเปรันโตที่แปลว่า “โยเกิร์ต”
.
“สาวยาคูลท์” กลยุทธ์ที่เปลี่ยนวงการ
ปี 1963 ยาคูลท์จ้างผู้หญิงให้ขายและส่งสินค้าแบบ door-to-door โดยพวกเธอถูกเรียกว่า “สาวยาคูลท์” ในไทย “ยาคูลท์โอบะซัง” ในญี่ปุ่น หรือ “อาจุมม่ายาคูลท์” ในเกาหลีใต้
ในสังคมที่ชายเป็นใหญ่อย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ สาวยาคูลท์เป็นหนึ่งในอาชีพแรกๆ ที่ผู้หญิงสามารถทำงานนอกบ้านเพื่อหารายได้
การเปิดตัวสาวยาคูลท์เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จในช่วงแรกของบริษัท พวกเธอช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และทำให้เกิดความภักดีต่อผู้บริโภค
สาวยาคูลท์ในอุดมคติของแบรนด์คือ ผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปี เพราะคนในช่วงวัยนี้ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่แล้ว คนเป็นแม่มักจะใส่ใจเรื่องสุขภาพมากกว่า สามารถปรับตัวตามวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ดี และสื่อสารได้น่าเชื่อถือกว่า
ในปัจจุบันมีสาวยาคูลท์ทั่วโลกมากกว่า 8 หมื่นคน โดยเป็นคนญี่ปุ่นราว 3 หมื่นคน
.
แล้วงบการเงินเป็นอย่างไร?
ยอดขายหลักของบริษัทยังมาจากเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ Yakult เป็นหลัก และยังมีแบรนด์เครื่องดื่มอื่นๆ เช่น Toughman, Kurozu และ Kininaruyasai เป็นต้น
งบปีของ Yakult จบในเดือนมีนาคม (เช่น ปี 2025 คืองบเดือนเมษายน 2024-มีนาคม 2025)
2022 รายได้ 4.15 แสนล้านเยน / กำไร 4.49 หมื่นล้านเยน
2023 รายได้ 4.83 แสนล้านเยน / กำไร 5.06 หมื่นล้านเยน
2024 รายได้ 5.03 แสนล้านเยน / กำไร 5.10 หมื่นล้านเยน
2025 รายได้ 4.99 แสนล้านเยน / กำไร 4.55 หมื่นล้านเยน
จะเห็นได้ว่ารายได้และกำไรค่อนข้างคงที่ โดยในปีล่าสุด ถ้าหากดูผลการดำเนินงานแยกตามภูมิภาคแสดงจะเห็นว่า ตลาดต่างประเทศยังคงเป็น Growth Driver หลัก
ญี่ปุ่น ยอดขายลดลง 3.6% จากการแข่งขันที่รุนแรง
เอเชียและโอเชียเนีย เพิ่มขึ้น 1.1% มาจากตลาดเวียดนามและฟิลิปปินส์เป็นหลัก
อเมริกา เติบโต 11.7% จากการขยายตลาด พร้อมแผนสร้างโรงงานใหม่
ยุโรป โตโดดเด่นที่ 17.2% จากการทำการตลาดเชิงรุก
โดย Yakult มีสัดส่วนรายได้ตามประเทศดังนี้:
- 47.5% ญี่ปุ่น
- 26.4% เอเชียและโอเชียเนีย
- 5.7% โซนอเมริกา (สหรัฐอเมริกา, เมกซิโก, บราซิล)
- 2.4% ยุโรป
- 5.7% อื่นๆ
ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้มาจากต่างประเทศ แสดงถึงความนิยมทั่วโลกไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น
แล้วขายได้เท่าไหร่ต่อวัน?
จำนวนขวดที่ขายได้ต่อวันอยู่ที่ราว 38 ล้านขวด โดยประเทศที่ขายได้เยอะที่สุดคือ:
- ญี่ปุ่น 9.6 ล้านขวด
- อินโดนีเซีย 5.8 ล้านขวด
- ฟิลิปปินส์ 4.0 ล้านขวด
- เมกซิโก 3.9 ล้านขวด
- จีน 2.3 ล้านขวด
ส่วนประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้า มียอดขายสูงถึง 2.08 ล้านขวดต่อวัน คิดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
.
จากเครื่องดื่มที่เกิดจากความตั้งใจจะแก้ปัญหาโรคระบาดในชนบทญี่ปุ่น กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ขายได้วันละสิบล้านขวด และที่น่าสนใจคือ กลยุทธ์ “สาวยาคูลท์” ที่เริ่มในปี 1963 ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Yakult แตกต่างจากคู่แข่งจนถึงทุกวันนี้
