เกาหลีใต้คือประเทศลำดับต้นๆ ในโลกที่จริงจังเรื่องการศึกษา นำมาสู่การแข่งขันสอบเข้าโรงเรียนในระดับต่างๆ และการทุ่มเทของผู้ปกครองเพื่อให้ลูกได้เรียนในสถาบันดีๆ ท่ามกลางความหวังว่าจะได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิตต่อไป

ทว่ามีกำลังมีความกังวลกันว่า นี่อาจมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหา และควรเริ่มแก้ตั้งแต่กลุ่มเด็กเล็กๆ ที่ถือเป็นอนาคตของชาติ

ส.ส. คยองซุก ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อจำกัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็กโดย ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพรรคและทีมงานการศึกษาของทั้งฝ่ายเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยม จนอาจผ่านการพิจารณานำไปสู่การบังคับใช้ เพราะต่างก็เห็นตรงกันว่า เด็กก่อนวัยเรียนกำลังถูกอัดเนื้อหาวิชาการและแรงกดดันมากเกินไป

ร่างกฎหมายฉบับนี้สั่งห้ามโปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษ ต่อเนื่องไปถึงการเรียนวิชาพิเศษอื่นๆ กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ ส่วนเด็กที่โตกว่านั้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นก่อนวัยเรียน จะจำกัดเวลาเรียนให้อยู่เพียง 40 นาทีต่อวันเท่านั้น

ร่างกฎหมายฉบับเดียวกันนี้ จะบังคับใช้กับสอนภาษาอังกฤษ “ทุกรูปแบบ” ไม่ว่าจะเป็นสถาบันกวดวิชาเอกชน (ที่เรียกว่า ฮักวอน) หรือติวเตอร์ส่วนตัว โดยหากฝ่าฝืน เจ้าของโรงเรียนจะต้องรับโทษหนักถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต หรืออาจถึงขั้นสั่งระงับการประกอบกิจการ

แรงผลักดันนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันด้านการศึกษาเอกชนที่รุนแรง โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ อนุบาลภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันสำหรับเด็กเล็กที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก โดยสถาบันเหล่านี้โด่งดังจนกลายเป็นค่านิยม

สถานการณ์นี้บีบให้เด็กก่อนวัยเรียนต้องไปเรียนกวดวิชาอย่างเข้มข้นเพื่อให้สอบสามารถเข้าเพื่อให้ได้ไปเรียนในสถาบันเหล่านี้ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองกลับลืมไปว่า ลูกๆ ของตนยังเป็นเพียงเด็กเล็กอายุไม่ถึง 3 ขวบ 

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สำนักงานการศึกษาส่วนใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้แสดงความเห็นด้วยกับมาตรการนี้ โดยหลายแห่งแสดงความกังวลว่า การเรียนที่หนักเกินไปจนเกิดความเครียดจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กเล็ก 

สำนักงานการศึกษาจังหวัดชุงชองเหนือ ระบุว่า เด็กเล็กเป็นช่วงวัยที่อ่อนไหวมากทั้งทางอารมณ์และความคิด การต้องเจอกับการสอบในวัยนี้อาจทำให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความภาคภูมิใจในตนเองลดลง และเกิดความวิตกกังวลในการเรียนรู้

เช่นเดียวกับสำนักงานการศึกษาชอลลาใต้ ที่ชี้ว่าการสอบวัดระดับของเด็กเล็ก เป็นการเพิ่มแรงกดดันทางวิชาการตั้งแต่อายุยังน้อย กระตุ้นความวิตกกังวลของผู้ปกครอง และผลักดันให้เกิดการแข่งขันเรียนพิเศษที่มากเกินพอดี

อย่างไรก็ตามมีสำนักงานการศึกษาบางส่วนที่เห็นต่าง เช่นที่ปูซาน, ชุงชองใต้ และคยองซังเหนือ ที่เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพราะกังวลว่าอาจเกิดธุรกิจคอร์สเรียนลับ แอบสอนแอบเรียนกันที่ตรวจยากขึ้น ขณะเดียวกันอาจเป็นการจำกัดสิทธิ์ตามกฎหมายของผู้ปกครองในการเลือกการศึกษาให้ลูก

ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ แม้เห็นด้วยก็เตือนว่า ไม่ควรเข้มงวดจนเกินไป โดย ชเว คโยจิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ควรต้องมีข้อจำกัดบางอย่างเพื่อควบคุมการเรียนภาษาอังกฤษที่มากเกินไปของเด็กเล็ก แต่หากมุ่งเน้นไปที่การออกกฎควบคุมเพียงอย่างเดียว มันอาจผลักดันให้การเรียนพิเศษเปลี่ยนไป ในรูปแบบอื่นที่มองเห็นได้ยากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้จึงจะหันไปเน้นการกำกับสอดส่องดูแลให้เข้มแข็งขึ้น ขยายโปรแกรมภาษาอังกฤษทางเลือกในโรงเรียนรัฐบาล และเตือนให้ผู้ปกครองเห็นถึงผลเสียของการกดดันลูกๆ เรื่องการศึกษามากเกิน ควบคู่กันไป

สำหรับเกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ให้คุณค่ากับการศึกษาอย่างมาก ซึ่งเป็นอิทธิพลสืบเนื่องมาจากลัทธิขงจื้อที่มีการสอบเลื่อนขั้นทางสังคมอันฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรม ที่ชาวไทยอาจรู้จักผ่านการสอบจอหงวนในหนังและซีรีส์ทั้งจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งก็มีทั้งผลดีและผลเสีย

ผลดีคือทำให้ประชากรวัยเรียนเกาหลีใต้มุ่งมั่นและจริงจังกับการศึกษา ส่วนภาคส่วนอื่นๆ ของประเทศก็พร้อมหลีกทางให้ โดยสะท้อนออกมาผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือซูนึง ที่เที่ยวบินต่างๆ งดขึ้นบิน เพื่อไม่เกิดเสียงรบกวนผู้เข้าสอบ

ขณะที่ตลาดหุ้นก็เปิดช้าเพื่อให้การจราจรสะดวกและรถโดยสารสาธารณะมีการเพิ่มเที่ยวเพื่อให้ผู้เข้าสอบไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้น จนมีการกล่าวกันว่า เกาหลีใต้ทั้งประเทศแทบหยุดนิ่งในวันซูนึงของแต่ละปี

อย่างไรก็ตาม การทุ่มเทเรื่องการศึกษามากไปของพ่อแม่ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งแต่ละปีเป็นเงินรวมๆ กันสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 323,000 ล้านบาท) นี้ก็ก่อให้เกิดผลเสียตามมา

เริ่มจากบีบให้เด็กต้องเรียนพิเศษต่อเนื่องกันไปจนถึงดึกดื่น ตามด้วยพาให้เด็กวัยเรียนเครียดจัด ต่อเนื่องไปจนถึงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมองครูเป็นเพียงลูกจ้างที่สั่ง ดุด่าหรือทำร้ายร่างกายเช่นไรก็ได้ เพราะได้จ่ายค่าเรียนแพงๆ ไปแล้ว

นี่ทำให้รัฐบาลก่อนหน้านี้หลายชุด ทยอยออกมาตรการแก้ไข เช่น จำกัดการเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนไม่เกิน 4 ทุ่ม และลดความยากของข้อสอบซูนึงลง รวมไปถึงออกกฎหมายปกป้องดูแลครูจากผู้ปกครองของเด็กนักเรียน

ทว่าล่าสุดก็มีปัญหาเรื่องการศึกษาในเกาหลีใต้ผุดขึ้นมาให้ต้องแก้อีก ซึ่งต้องแก้กันตั้งแต่เริ่มต้น นำมาสู่การชงเรื่องออกกฎหมายแก้ปัญหาติวเด็กตั้งแต่ยังเล็กและอาจมีการสั่งห้ามสอนภาษาอังกฤษ รวมถึงวิชาพิเศษต่างๆ ให้กับเด็กเล็ก ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น / koreatimes 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer