11 พฤศจิกายน – วันซันเดแห่งชาติ (National Sundae Day) หรือวันสำหรับเฉลิมฉลองไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟหรือตักลูก ราดด้วยซอส เช่น ช็อกโกแลต, คาราเมล และท็อปปิ้งต่าง ๆ

ความเป็นมาของวันซันเดเกิดจากในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการรณรงค์ให้เลิกจำหน่ายแอลกอฮอล์ในวันอาทิตย์ ร้านอาหารจึงหันมาขายเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ หนึ่งในนั้นคือ ไอศกรีมโซดา ที่มีการจำหน่ายครั้งแรกในปี 1874

ต่อมากลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการดื่มสุราในช่วงทศวรรษที่ 1880-1889 มองว่าน้ำโซดามีความเกี่ยวโยงกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้หลายเมืองในภาคตะวันตกตอนกลางของสหรัฐอเมริกาถึงกับออกกฎหมายห้ามจำหน่ายไอศกรีมโซดาในวันอาทิตย์

กลุ่มเจ้าของร้านไอศกรีมและน้ำโซดาที่ไม่อยากเสียรายได้ในวันที่ขายดีที่สุดของสัปดาห์ จึงหันมาเติมแต่น้ำเชื่อมรสต่าง ๆ ลงบนไอศกรีมแทน เกิดเป็นไอศกรีมสูตร “ซันเดย์” (Sunday) สอดคล้องกับการเสิร์ฟในวันอาทิตย์ ต่อมาก็ได้เปลี่ยนจากตัว y เป็นตัว e กลายเป็น “ซันเด” (Sundae) เพื่อหลีกเลี่ยงการขัดต่อข้อห้ามทางกฎหมายหรือศีลธรรมในยุคนั้น

หากมองมาที่ ตลาดไอศกรีมในไทย พบว่ามีมูลค่าอยู่ที่ราว 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดแพ็กเกจ หรือไอศกรีมที่จำหน่ายในตู้ไอศกรีมตามร้านค้า ประมาณ 14,000-15,000 ล้านบาท และไอศกรีมแบบไม่บรรจุหีบห่อ หรือไอศกรีมตักเสิร์ฟสด ไอศกรีมตักเสิร์ฟในร้าน เช่น ไอศกรีมซันเดย์ ไอศกรีมโคน มีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท โดยมีกลุ่มผู้นำตลาดอย่าง สเวนเซ่นส์ แดรี่ควีน

ตลาดไอศกรีมตักเสิร์ฟในไทย 10,000 ล้าน

Swensen’s / Dairy Queen แบรนด์ผู้นำภายใต้ชายคาไมเนอร์ ฟู้ด

Swensen’s (สเวนเซ่นส์) แบรนด์ Dairy Queen (แดรี่ควีน)
สหรัฐอเมริกา ประเทศต้นกำเนิดแบรนด์ สหรัฐอเมริกา
ปี ค.ศ. 1948, เมืองซานฟรานซิสโก, รัฐแคลิฟอร์เนีย ร้านสาขาแรก ปี ค.ศ. 1940, เมืองโจเลียต, รัฐอิลลินอยส์ 
เอิร์ล สเวนเซ่น (Earle Swensen) ได้เรียนรู้วิธีการทำไอศกรีมและเกิดความหลงใหลในระหว่างที่รับราชการเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเปิดร้านไอศกรีมแห่งแรกโดยใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อแบรนด์ จุดเริ่มต้น จอห์น ฟรีมอนต์ แมคคัลเลอ (John Fremont McCullough) และ อเล็กซ์ แมคคัลเลอ (Alex McCullough) สองพ่อลูกซึ่งเป็นนักธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์นม ได้ชักชวน เชิร์บ โนเบิล (Sherb Noble) เจ้าของร้านไอศกรีมให้ร่วมกันทดลองขายไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่พวกเขาพัฒนาขึ้น และพบว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง
บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทที่รับสิทธิ์บริหารแฟรนไชส์ในไทย บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ปี ค.ศ. 1986, เซ็นทรัลลาดพร้าว  ร้านสาขาแรก ปี ค.ศ. 1996, เซ็นทรัลลาดพร้าว
350 สาขา จำนวนสาขา ปี 2025  550 สาขา ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย
บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด

รายได้ 2,047 ล้านบาท 

กำไร 195 ล้านบาท

รายได้และกำไร ปี 2024  บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด

รายได้ 1,848 ล้านบาท

กำไร 172 ล้านบาท

Marketeer FYI: ตลาดไอศกรีมในไทย มูลค่าอยู่ที่ราว 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดไอศกรีมบรรจุภัณฑ์ ราว 15,000 ล้านบาท และตลาดไอศกรีมที่ซื้อหรือรับประทานที่ร้านราว 10,000 ล้านบาท
ที่มา: เว็บไซต์ทางการของแบรนด์, บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), รายได้และกำไรอ้างอิง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า / พฤศจิกายน 2025

ในประเทศไทย ถึงแม้ สเวนเซ่นส์ และ แดรี่ควีน จะเป็นคู่แข่งในตลาดไอศกรีม แต่ทั้งสองแบรนด์ต่างก็อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ในไทยของทั้งสองแบรนด์ 

ไมเนอร์ ฟู้ด ได้วางตำแหน่งทางการตลาดให้กับทั้งสเวนเซ่นส์ และ แดรี่ควีน ให้สามารถเติบโตควบคู่กันโดยไม่ทับซ้อนกันเอง เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าและโอกาสทางการตลาดที่แตกต่างกัน ส่งผลให้บริษัทสามารถครองส่วนแบ่งตลาดไอศกรีมไทยในกลุ่มอันแพ็คเกจได้อย่างเบ็ดเสร็จ

สเวนเซ่นส์ วางตำแหน่งเป็นตลาดไอศกรีมเจาะกลุ่มครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อน และกลุ่มคนที่ต้องการทานไอศกรีมในรูปแบบนั่งทาน หรือเป็นของหวานหลังมื้ออาหารหลัก มีกลยุทธ์การขยายสาขาแบบ “ไปกับห้าง” โดยมักตั้งอยู่ในศูนย์การค้าหลัก ๆ ในทุกจังหวัด

ทั้งจะพบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการเปิด Regional Flagship Store หรือสาขาสแตนด์อโลนที่ตกแต่งด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่นในพื้นที่ตั้งนั้น ๆ เน้นวางตัวอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์พร้อมกับดึงดูดแทรฟฟิกให้ผู้บริโภคในพื้นที่เข้ามาใช้บริการในสาขาอื่น ๆ ที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน

สเวนเซ่นส์ ยังมีการทำการตลาดโดยอิงกับเทศกาลและวาระสำคัญตลอดปี การออกโปรดักต์ตามซีซั่นนอล เช่น เทศกาลตรุษจีน, สงกรานต์, คริสต์มาส โดยสร้างแคมเปญไวรัล และเมนูพิเศษประจำเทศกาลเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมารับประทานซ้ำและสร้างความทรงจำร่วมกัน

ตลอดจนการขยายสู่เมนูขนมหวานอื่น ๆ เช่น เค้กไอศกรีม, มินิโทสต์ และกลุ่มของหวานใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ตลอดจนการปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค อย่างการมุ่งเน้นช่องทางเดลิเวอรีมากขึ้น 

แดรี่ควีน วางตำแหน่งเป็นตลาดไอศกรีมที่เน้นความถี่ในการซื้อ และความคุ้มค่า เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่, นักเรียนนักศึกษา และผู้บริโภคที่มองหาไอศกรีมในรูปแบบ Quick Service หรือ Grab & Go   

หลัง แดรี่ควีน ขยายสาขาไปแล้วราว 550 สาขา ครอบคลุมครบ 77 จังหวัด ในช่วงหนึ่งถึงสองปีหลังมานี้ แบรนด์ก็ได้เริ่มใช้กลยุทธ์การขยายสาขาในรูปแบบคีออส ตามทำเลที่มีแทรฟฟิกสูง เช่น หน้าซูเปอร์มาร์เก็ต, สถานีรถไฟฟ้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและซื้อได้บ่อยครั้ง  

มีการนำเมนูที่เป็นโปรดักต์ฮีโร่อย่าง Blizzard (บลิซซาร์ด) มาสร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ที่เข้ากับตลาดไทยและสร้างไวรัล เช่น บลิซซาร์ดโอวัลตินภูเขาไฟ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใช้การคว่ำถ้วยเป็น Brand Asset ที่โดดเด่นและสร้างการรับรู้ถึงความหนืดและคุณภาพของซอฟต์เสิร์ฟ พร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่กำลังมีความเข้มข้น


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer