สิงห์ เอสเตท กับกลยุทธ์ 4S สร้าง 4 ธุรกิจหลักให้สมดุลและมอบคุณค่าที่ยั่งยืน
หลังประกาศการแต่งตั้ง ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
ล่าสุด บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (S) ผู้พัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ได้ประกาศทิศทางการเติบโตภายใต้ยุทธศาสตร์ “A Stable Foundation Drives Sustainable Growth” พร้อมเผยบทบาทและวิสัยทัศน์ของ ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่เข้ามาขับเคลื่อนองค์กรด้วยปณิธาน “Enriching (Your) Life” การสร้างคุณค่าให้ชีวิต
นับเป็นจุดเปลี่ยนของสิงห์ เอสเตท ทั้งในมิติของการเปลี่ยนผู้นำทัพคนใหม่ และการนิยามตัวเองใหม่ว่าไม่ใช่บริษัทที่สร้างอสังหาฯ แต่คือบริษัทที่สร้าง ความมั่นคง ในทุกมิติของชีวิตผู้คนที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ตั้งแต่ลูกค้า นักลงทุน พนักงาน พันธมิตร ไปจนถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม
นี่คือการขยับ Positioning จาก “Real Estate Developer” มาสู่การเป็น “Life Value Creator” ที่ Enriching (Your) Life

คำนี้ดูเรียบง่าย แต่จริงๆ คือการวางแก่นของ Corporate Positioning ใหม่ทั้งระบบ และเป็นแนวคิดที่สะท้อนผ่านทุกการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ขององค์กรในปีนี้ ซึ่งถอดรหัสได้ผ่านกรอบคิดแบบ “4S”
Stability: การจัดพอร์ตเป็นรากฐานของแบรนด์ ไม่ใช่แค่กลยุทธ์การเงิน
ในแบบเรียนอสังหาฯ คำว่า “พอร์ตสมดุล” คือคอนเซปต์พื้นฐาน แต่อะไรคือเหตุผลที่สิงห์ เอสเตทหยิบคอนเซปต์พื้นฐานนี้มาเป็น “แกนที่หนึ่ง” ของการขับเคลื่อนองค์กร มันไม่ใช่เรื่องตัวเลข แต่มันคือการกำหนด “ตัวตนของแบรนด์”
การ “สร้างคุณค่าให้ชีวิต” จะทำไม่ได้เลย หากตัวเองไม่มีความมั่นคงให้ยึดโยง สิงห์ เอสเตทจึงต้องสร้าง Recurring Income ให้แข็งแรงในฐานะรายได้ที่รับน้ำหนักเศรษฐกิจในวันที่ตลาดผันผวน ขณะเดียวกัน Non-recurring Income ต้องถูกมองใหม่ว่าเป็นพื้นที่ทดลอง สร้างนวัตกรรม และพิสูจน์ศักยภาพขององค์กรในด้านที่เติบโตได้เร็วกว่าเดิม

กรณีศึกษาของ ONE RIVER พระราม 3 เป็นภาพสะท้อน Positioning นี้อย่างชัดเจน โครงการถูกสร้างขึ้นในปีที่ตลาดคอนโดแข่งขันกันดุเดือด แต่กลับขายได้เกิน 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะบริษัทเลือกจับมือพันธมิตรที่เข้าใจความท้าทายของตลาด และออกแบบสินค้าให้แม่นกับดีมานด์ที่แท้จริง ไม่ใช่ดีมานด์ที่คาดหวัง
นี่คือ Stability แบบ “Strategic Positioning” ไม่ใช่ Stability แบบตัวเลขอย่างที่พบทั่วไปในอุตสาหกรรม
Strength: ระเบียบวินัยทางการเงินถูกใช้เป็นอัตลักษณ์แบรนด์
แบรนด์อสังหาฯ ในไทยจำนวนมากพูดเรื่องดีไซน์ พูดเรื่องทำเล แต่มีไม่กี่แบรนด์ที่กล้าใช้ “ความแข็งแกร่งทางการเงิน” เป็นส่วนหนึ่งของตัวตน นี่คือสิ่งที่ทำให้ Positioning ของสิงห์ เอสเตทต่างจากผู้เล่นในตลาด เพราะคุณชัยรัตน์ใช้ Strength เป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ระยะยาวของบริษัท ไม่ใช่แค่ใช้ปิดท้ายรายงานประจำปี
การระดมทุนกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี การรักษาความน่าเชื่อถือกับมากกว่า 10 สถาบันการเงิน และการใช้ตลาดหุ้นกู้เป็นแหล่งทุนยุทธศาสตร์ คือการสร้าง perception ของแบรนด์ว่าเป็นบริษัทที่ “พร้อมเสมอ” ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจใด
ในทาง Positioning นี่คือคำประกาศที่ไม่ต้องใช้คำพูดว่า “มั่นคง” แต่ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสัมผัสความมั่นคงได้จริง

Synergy: การรีดีไซน์องค์กรคือการรีดีไซน์แบรนด์ตัวเอง
สิงห์ เอสเตท กำลังเปลี่ยนวิธีคิดเรื่ององค์กรจากโครงสร้างที่แบ่งเจเนอเรชันเป็นชั้นๆ ไปสู่โครงสร้างที่ให้ “ประสบการณ์” และ “พลังของคนรุ่นใหม่” เข้ามาอยู่ในแกนเดียวกัน ซึ่งเป็นความท้าทายที่องค์กรใหญ่ในไทยหลายแห่งยังทำไม่ได้จริงจัง
สิ่งที่ทำให้อินไซต์นี้เชื่อมกับ Brand Positioning ได้อย่างน่าสนใจคือ แบรนด์ต้องการนิยามตัวเองว่าเป็น Life Value Creator และถ้าชีวิตของลูกค้ามีหลายมิติ การสร้างคุณค่าก็ต้องมีหลายมุมมอง ไม่ใช่มาจากเสียงของคนกลุ่มเดียว
เมื่อ 60 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานเป็นคนรุ่นใหม่ และครึ่งหนึ่งของบริษัทอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการขึ้นไป การออกแบบผลิตภัณฑ์อสังหาฯ ให้ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่มจึงต้องเกิดจาก “การมองสองเลนส์” คือเลนส์ประสบการณ์ และเลนส์ความสดใหม่ของความคิด สิ่งนี้สะท้อนชัดในโมเดลที่คุณชัยรัตน์ใช้ ทั้งการตั้งคำถามเพื่อเปิดพื้นที่ความคิด และการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรไปสู่รูปทรงพีระมิดที่ให้คนรุ่นใหม่เติบโตได้จริง
Synergy ในที่นี้จึงไม่ได้หมายถึงการร่วมมือ แต่อยู่ที่ “การผสาน DNA ขององค์กร” และทำให้กลายเป็นคุณค่าของแบรนด์อย่างแท้จริง
Sincerity: ESG แบบที่เป็น “กลยุทธ์แบรนด์” ไม่ใช่ CSR แบบเดิมอีกต่อไป
หลายแบรนด์พูด ESG แต่มีน้อยแบรนด์ที่ทำ ESG ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Positioning ได้อย่างกลมกลืน สิงห์ เอสเตท คือหนึ่งในนั้น เพราะไม่ได้ทำเพื่อภาพ แต่ทำให้กลายเป็น “สินทรัพย์ของแบรนด์” ในระยะยาว
จากโครงการอนุรักษ์ทางทะเลที่ CROSSROADS มัลดีฟส์ ซึ่งทำให้พื้นที่โลมาที่เคยถูกค้นพบตอนก่อสร้าง กลายเป็นจุดขายเชิงประสบการณ์ของโรงแรม ไปจนถึงโครงการปลูกป่ากว่าหนึ่งล้านตารางเมตรที่โยงเข้ากับแอ็กชันของแขกผ่าน Green Button ทั้งหมดนี้คือการออกแบบ ESG ให้เป็น Ecosystem ที่เติมคุณค่ากลับสู่ธุรกิจได้จริง
Sincerity ในแบบสิงห์ เอสเตท จึงไม่ใช่การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม แต่คือการสร้างนิยามใหม่ให้คำว่า “ความยั่งยืน” ในบริบทของธุรกิจอสังหาฯ

สร้าง Brand Positioning บนพื้นฐานของ “ความมั่นคงที่เป็นระบบนิเวศ”
เมื่อรวม 4S เข้าด้วยกัน จะเห็นภาพ Positioning ใหม่ของแบรนด์อย่างชัดเจนว่า สิงห์ เอสเตทกำลังสร้างตัวตนเป็นแบรนด์ที่ให้ “ความมั่นคงในแบบ 360 องศา” ทั้งในมิติการเงิน การเติบโต การบริหารคน และการอยู่ร่วมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ถือเป็นความมั่นคงที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ “ขยายได้ไกลขึ้นและยั่งยืนขึ้น”
ในตลาดอสังหาฯ วันนี้ที่ทุกแบรนด์แข่งขันด้วยดีไซน์ โลเคชัน หรือความคุ้มค่า สิงห์ เอสเตทเลือกเดินคนละเลนด้วยการยึดหัวใจว่า “ถ้าแบรนด์คือผู้สร้างคุณค่าให้ชีวิต การสร้างรากฐานที่มั่นคงต้องเกิดขึ้นก่อนเสมอ”
และนี่คือการยกระดับจาก Developer สู่ Corporate Brand ที่มีบทบาทมากกว่าแค่สร้างอาคาร แต่กำลังสร้าง “ความมั่นคง” ให้กับผู้คนรอบตัวในทุกมิติ โดยมีชัยรัตน์เป็นผู้กำหนดทิศให้ชัด และเป็นผู้วางฐานให้หนักพอสำหรับการเติบโตครั้งใหญ่ระยะยาวของสิงห์ เอสเตท
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
