ดรีม เอกซ์เพรส ฉายภาพรวมและแผนรุกตลาดคาแรคเตอร์ญี่ปุ่นในไทยมูลค่า 5,000 ล้านบาท ปรับโครงสร้างลดการพึ่งพาทีวีดั้งเดิม มุ่งโฟกัสธุรกิจสตรีมมิ่ง, ภาพยนตร์, จัดอีเวนต์อนิเมะ ส่งเสริมพอร์ตหลักอย่างการบริหารและขายสินค้าลิขสิทธิ์ มั่นใจดันรายได้ปี 2025 แตะ 300 ล้านบาท พร้อมขยายธุรกิจใหม่อย่างการส่งออกซีรีส์วายไทยสู่ญี่ปุ่น

คุณกฤษณ์ สกุลพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด หรือ Dream Express (Dex) กล่าวว่า บริษัทในฐานะผู้นำเข้าและบริหารลิขสิทธิ์อนิเมะและโทคุซัทสึ (ซีรีส์หรือหนังแปลงร่าง) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของตลาดคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นที่มีทั้งวันพีซ, กันดั้ม, ดาบพิฆาตอสูร, อุลตร้าแมน, มาสค์ไรเดอร์, โดโมะคุง อยู่ในมือ

ประเมินภาพรวมตลาดคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นในประเทศไทย เฉพาะกลุ่มคอนเทนต์สื่อ (ไม่รวมเกม) และสินค้าลิขสิทธิ์ มูลค่าตลาดราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งทิศทางตลาดมีการเติบโตชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากผู้คนทั่วโลก รวมถึงคนไทย ได้มีโอกาสรับชมอนิเมะญี่ปุ่นมากขึ้น และมองเป็นวัฒนธรรมแขนงหนึ่ง ไม่ใช่แค่การ์ตูนสำหรับรับชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น 

ทั้งตลาดคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นในไทย ยังมีศักยภาพและเป็นตลาดใหญ่ในภูมิภาคเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน จากพื้นฐานการเปิดรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความสำเร็จของแฟรนไชส์อนิเมะหลัก ๆ ที่ทำตลาดอยู่ในไทย

ส่วนปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากการให้ความรู้และสร้างการตระหนักในการต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แก่เยาวชนของผู้ปกครองและสถาบันการศึกษา ตลอดจนการช่วยกันสอดส่องและจัดการของกลุ่มคอมมูนิตี้อนิเมะที่แข็งแรง และคุณภาพที่ได้มาตรฐานของสินค้าลิขสิทธิ์ แต่ก็ยังมีความท้าทายอยู่ โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ที่อาจจะยังตกหล่นในการคัดกรองสินค้า

โดยเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น บริษัทวางการดำเนินงานให้กระจายตัวในหลายส่วนธุรกิจ ลดความเสี่ยงด้านรายได้ และแต่ละกลุ่มก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน

หากแบ่งตามกลุ่มธุรกิจ การบริหารและขายลิขสิทธิ์สินค้าที่ระลึกหรือสินค้าส่งเสริมการขาย คือสัดส่วนหลัก โดยมีการจัดการลิขสิทธิ์อย่างเชี่ยวชาญเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดไทย และมีการทำธุรกิจในฐานะตัวแทนซื้อขายลิขสิทธิ์ สำหรับบางแฟรนไชส์

เพื่อกระจายช่องทางการขายสินค้าลิขสิทธิ์ บริษัทจะดำเนินการขยายเครือข่ายร้านขายของเล่นและของสะสมลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ‘Yumeya’ ที่ปัจจุบันมี 30 สาขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนของอีคอมเมิร์ซ ยังคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5-10% ของรายได้รวม

ด้านการบริหารและขายลิขสิทธิ์สื่อ แม้ว่าสื่อทีวีแบบดั้งเดิมจะไม่สามารถสร้างรายได้แล้ว แต่บริษัทก็ได้โฟกัสลิขสิทธิ์สื่อสตรีมมิ่งและภาพยนตร์เต็มตัวมาได้สักระยะแล้ว โดยเน้นการดำเนินงานผ่านการร่วมมือกับพันธมิตร 

ลิขสิทธิ์สื่อสตรีมมิ่ง นอกจากการบริหารและขายลิขสิทธิ์กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้ว บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองอย่าง ‘FLIXER’ ที่ลูกค้าสามารถรับชมคอนเทนต์และอ่านอีบุ๊กได้ในแพลตฟอร์มเดียว

ลิขสิทธิ์สื่อภาพยนตร์ เป็นหน่วยธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ โดยบริษัทร่วมมือกับ ‘Japan Anime Movie Thailand’ ในการจัดจำหน่ายและนำเข้าฉายซีรีส์ภาพยนตร์อนิเมะอย่าง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ ตั้งแต่ภาค 25-28 ที่มีรายได้จากการขายตั๋วหนังเติบโตเฉลี่ยต่อภาค 20% 

ส่วนซีรีส์ภาพยนตร์ดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต ซึ่งเข้าฉายเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ทำรายได้แซงหน้าสถิติของภาค ‘ศึกรถไฟสู่นิรันดร์’ ที่เคยทำไว้ประมาณ 130 ล้านบาท โดยภาคล่าสุดมีรายได้จากการขายตั๋วหนังอยู่ที่ราว 300 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่ากำลังซื้อหลักของตลาดคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่นอยู่ในไทยอยู่ที่ราว 500-1,000 บาทต่อครั้ง กลุ่ม Gen Z (อายุ 11-26 ปี) และ Gen Y (อายุ 27-42 ปี) คือกำลังซื้อหลัก แม้ว่าการซื้อสินค้าที่ระลึกอาจชะลอตัวไปบ้างตามภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่กิจกรรมภายในงานอีเวนต์กลุ่มอนิเมะยังคงมีกำลังซื้อที่แข็งแรง  

ทำให้สำหรับธุรกิจอีเวนต์ บริษัทจะขยายขอบเขตการจัดงานในระดับใหญ่ขึ้น โดยร่วมมือกับ ‘JEDUCATION’ ผู้จัดงานมหกรรมญี่ปุ่น NIPPON HAKU BANGKOK ร่วมกันจัดงานมหกรรมอนิเมะลิขสิทธิ์ ‘ANIMONIUM 2026’ ในวันที่ 6-8 ก.พ. 2026 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน 

งาน ANIMONIUM 2026 จะรวมคอนเทนต์ลิขสิทธิ์แท้จากกว่า 20 ค่ายยักษ์ญี่ปุ่น ครบครันทั้งอนิเมะ, ของสะสม, การ์ดเกม และคอนเสิร์ต Anisong โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะคาแรคเตอร์ลิขสิทธิ์ที่บริษัทถืออยู่เท่านั้น 

บริษัทวางเป้าผู้เข้าร่วมงาน ANIMONIUM 2026 สะสมราว 50,000 คน และเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ทั้งวางการจัดงานต่อเนื่องประจำทุกปีในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 

การสร้างความแข็งแรงในหน่วยธุรกิจอีเวนต์และภาพยนตร์ ยังจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจหลักอย่างการบริหารและขายลิขสิทธิ์สินค้าที่ระลึกให้เติบโตตามไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทยังมีธุรกิจขยายใหม่อย่างการส่งออกคอนเทนต์ซีรีส์วายไทยทั้ง BL – Boy’s Love, GL – Girls’ Love ภายใต้แบรนด์ ‘Be Whale’ ซึ่งปัจจุบันเริ่มต้นขยายไปยังตลาดญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบสื่อ, แฟนมีตติ้ง, สินค้าที่ระลึก  

ธุรกิจนี้ถือเป็นการเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญของบริษัท จากการที่บริษัทญี่ปุ่นซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์มีความเชื่อใจในบริษัท และเห็นว่าคอนเทนต์ไทยมีคุณภาพ จึงได้มอบหมายให้บริษัทดูแลการนำคอนเทนต์เข้ามาในประเทศ  

ส่งผลให้จากเดิมบริษัทมักจะเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทย ก็ได้เริ่มทำธุรกิจส่งออกคอนเทนต์ไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยหากซีรีส์วายไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็จะต่อยอดไปสู่การทำสินค้าที่ระลึก หรือการที่นักแสดงได้ไปทำงานร่วมกับแบรนด์ญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต

ซึ่งแน่นอนว่าจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ที่ลดการพึ่งพารายได้จากการขายลิขสิทธิ์ทีวีแบบดั้งเดิม หันไปโฟกัสลิขสิทธิ์สตรีมมิ่งและภาพยนตร์, สินค้าที่ระลึกหรือสินค้าส่งเสริมการขาย และอีเวนต์ต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

บริษัทจึงมั่นใจว่าเป้ารายได้ปี 2025 จะขยับไปแตะ 300 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท ในปี 2026 จากรายได้ราว 200 ล้านบาทในปี 2024 ที่ผ่านมา

Marketeer FYI 

คาแรคเตอร์ซึ่งสร้างรายได้หลักให้บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด ราว 60% มาจากแฟรนไชส์ วันพีซ, กันดั้ม, ดาบพิฆาตอสูร และอีก 40% มาจากคาแรคเตอร์แฟรนไชส์อื่น ๆ เช่น คุมะมง, อุลตร้าแมน, มาสค์ไรเดอร์


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer