ตลาดร้านส้มตำเชน มูลค่า 20,000 ล้านบาท ส้มตำนัว ลุยเสนอประสบการณ์ใหม่กับลูกค้าเพื่อขยายการเติบโตบนตลาดร้านอาหารอีสานเชนในห้างที่แข่งขันสูง เปิดร้านสาขาคอนเซปต์ใหม่ ‘ส้มตำนัว แจ่วฮ้อนฮ้อน’ ณ เซ็นทรัล พระราม 9 ผสานจุดแข็งด้านรสชาติอีสานแท้กับมาตรฐานการบริหารจัดการจาก CRG สร้างการเติบโตของรายได้แบรนด์ต่อเนื่องราว 10% ต่อปี 

คุณอภิรัตน์ อังกุรนาค ผู้อำนวยการอาวุโสแบรนด์ส้มตำนัว (Somtamnua)  กล่าวว่า ตลาดร้านอาหารในไทย ปี 2025 คาดการณ์มูลค่ารวมอยู่ที่ราว 570,000 ล้านบาท เติบโตราว 5% เฉพาะตลาดร้านส้มตำเชน มูลค่าอยู่ที่ราว 20,000 ล้านบาท 

หากมองมาที่การแข่งขันของร้านส้มตำเชนในห้างสรรพสินค้า ถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญในการรักษามาตรฐานรสชาติและคุณภาพอาหาร

ซึ่งส้มตำนัวใช้จุดแข็งจากการเปิดมานาน 25 ปี มีสาขาแรกอยู่ที่สยามสแควร์ ซอย 5 และมีเมนูซิกเนเจอร์ที่แข็งแกร่ง เช่น ตำมั่ว, ไก่ตะกร้า, ผัดขนมจีน ในการครองใจผู้บริโภคมาต่อเนื่อง

ก่อนที่การเข้ามาร่วมทุนของบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) ในเครือเซ็นทรัล ตั้งแต่ช่วงปี 2564 นำมาสู่การใช้จุดเด่นเรื่องรสชาติ ‘อีสานแท้จากอุดรธานี’ มาผสานกับความเชี่ยวชาญด้านระบบบริหารจัดการหลังบ้าน และมาตรฐานการดำเนินงานของกลุ่ม 

ส่งเสริมให้ปัจจุบัน ส้มตำนัว มีสาขารวมทั้งสิ้น 12 สาขา แบ่งเป็นสาขาสแตนด์อโลน 3 แห่ง ได้แก่ สยามสแควร์ ซอย 5, ราชพฤกษ์, เอกมัย ซอย 6 และที่เหลือเป็นสาขาในห้างสรรพสินค้ากับคอมมูนิตี้มอลล์

ทั้งส้มตำนัวถือเป็นแบรนด์ร้านอีสานที่มีศักยภาพด้วยการสร้างสัดส่วนรายได้ราว 10% ให้ทั้งกลุ่ม CRG และบริษัทวางเป้ารายได้ของแบรนด์ให้เติบโตต่อเนื่องราว 10% ต่อปี   

โดยเพื่อสร้างการเติบโตและขยายฐานลูกค้าในตลาดร้านอาหารอีสานเชนในห้าง ซึ่งมีรสชาติที่ไม่แตกต่างกันมากนักในหลาย ๆ แบรนด์ ส้มตำนัว จึงได้เปิดสาขาคอนเซปต์ใหม่แห่งแรกของแบรนด์อย่าง ‘ส้มตำนัว แจ่วฮ้อนฮ้อน’ ณ ชั้น 6 เซ็นทรัล พระราม 9 

ซึ่งนำ เมนูแจ่วฮ้อน มาเป็นตัวชูโรง เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ทานอาหารอีสานให้ครบวงจร สร้างความหลากหลาย นอกเหนือจากเมนูส้มตำและอาหารอีสานที่มีอยู่เดิม และเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ กับลูกค้าแบบช่วยกันต้ม-ช่วยกันทำ สะท้อนวิถีอีสานแห่งการแบ่งปัน โดยวางตำแหน่งราคาเซ็ทเริ่มต้น 275 บาท ส่งเสริมให้ลูกค้ากลับมากินซ้ำได้บ่อย ๆ และขยายฐานลูกค้าได้กว้างกว่าเดิม

ทั้งนี้ แจ่วฮ้อนที่เสิร์ฟในร้าน แม้จะมีความคล้ายคลึงกับจิ้มจุ่ม แต่จะปรับน้ำซุปให้มีความเข้มข้นและกลมกล่อมกว่า และมีวัตถุดิบพิเศษอย่าง อ่องมันปูนา ให้ใส่ลงไปในน้ำซุป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหอมมันและความครีมมี่ให้น้ำซุปมีความนัวเป็นเอกลักษณ์ หรือจะทานแบบจิ้มกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ก็ได้ประสบการณ์ความนัวไปอีกแบบ 

ส่วนของการขยายสาขาใหม่ของส้มตำนัว วางไว้อีก 2 สาขาในปี 2026 โฟกัสทำเลในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์กลางธุรกิจ ส่วนการขยายคอนเซปต์แจ่วฮ้อนไปยังสาขาเดิมที่มีอยู่ มองว่าอยู่ในความเป็นไปได้ในอนาคต หากสาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า และบริษัทมองว่าการทานแจ่วฮ้อนคู่กับอาหารอีสานจะช่วยส่งเสริมรสชาติซึ่งกันและกันได้ดีกว่าการแยกไปเป็นแบรนด์ใหม่


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer