หลายคนคงได้ลิ้มรส “บักกุ๊ดเต๋” ในเทศกาลพิเศษที่นีโอ สุกี้เคยจัดมาแล้ว และเป็นเทศกาลหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

ในปีนี้เทศกาล “บักกุ๊ดเต๋” จะกลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด ยืนยันว่าจะมีความพิเศษมากขึ้น โดยเพิ่มอาหารในเทศกาลให้หลากหลายและทำให้ดีน่าสนใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ทำไมต้องเป็นบักกุ๊ดเต๋ สไตล์สิงคโปร์

บักกุ๊ดเต๋เป็นอาหารของชาวจีน ซึ่งณัฐพลอธิบายว่าหลักๆ แล้วบักกุ๊ดเต๋จะมีอยู่ 3 แบบ คือ 1. แบบฮกเกี้ยน คือบักกุ๊ดเต๋ที่หารับประทานได้ในอำเภอหาดใหญ่ ภูเก็ต มาเลเซีย น้ำซุปจะสีเข้ม เน้นเครื่องเทศยาจีน 2. แบบกวางตุ้ง และ 3. แบบแต้จิ๋ว

“ซึ่งแบบแต้จิ๋วจะหารับประทานได้ในสิงคโปร์เท่านั้น จุดเด่นของแบบแต้จิ๋วคือน้ำซุปจะไม่เข้มข้นจนเกินไป และเครื่องเทศหลักคือพริกไทยขาว ซึ่งเป็นรสที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และเหมาะที่จะรับประทานเป็นน้ำซุปสุกี้มากที่สุด”

ในเทศกาลนี้ นอกจากเน้นบักกุ๊ดเต๋ที่คงรสชาติแบบสิงคโปร์แท้ๆ แล้วยังมีการนำจุดเด่นของสถาปัตยกรรมในแบบ ชิโนโปรตุกีส เช่น ลวดลายกระเบื้อง รวมถึงผ้าลายปาเต๊ะแถบมลายูมาใช้ในการออกแบบสื่อของเทศกาลทั้งหมด และยังมีกิมมิกน่ารักๆ ให้พนักงานหน้าร้าน มีการใส่ชุดประจำชาติสิงคโปร์ คือผ้าลายปาเต๊ะตัดเย็บแบบจีน เพื่อความสวยงาม และสร้างสีสันให้กับเทศกาลเพิ่มขึ้นด้วย

“สิ่งที่เราเน้นย้ำเสมอคือ นีโอ สุกี้ คือเจ้าตำรับแห่งการต้ม เราลงรายละเอียดทุกอย่างแบบลึกซึ้ง ลงไปศึกษาถึงแก่นของขนบธรรมเนียมชาวสิงคโปร์ หรือที่เราเรียกว่า ชาวเปอรานากัน รับรองว่าเทศกาลนี้จะไม่ทำให้ลูกค้านีโอ สุกี้ ผิดหวังแน่นอน”

เพื่อให้เทศกาลนี้มีความแตกต่างจากทุกครั้งยิ่งขึ้นไปอีก เลยมีการคัดสรรเมนูอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย เช่น หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊วสไตล์สิงคโปร์ หรือเมนูของหวานยอดฮิตของชาวสิงคโปร์ คือไอซ์กะจัง เป็นน้ำแข็งไสสไตล์มลายูที่ชาวสิงคโปร์นำมาดัดแปลงให้เหมาะกับท้องถิ่น

โดยเทศกาลบักกุ๊ดเต๋นี้จะเริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 นี้ จนถึงต้นปี 2562 ในทุกสาขา

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี แต่ยังคงเสิร์ฟคุณภาพสู่ผู้บริโภคเต็มที่สำหรับสถานการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา ณัฐพลให้ความเห็นว่าถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจในภาพธุรกิจบริการอาหารยังไม่ดีมากนัก  แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าสำหรับ นีโอสุกี้ จะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เหตุผลหลักมาจากเทรนด์สุขภาพที่ผู้บริโภคใส่ใจมากขึ้นและมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นอีกหลังการเลือกตั้งในปี 2562 เมื่อนักลงทุนเกิดความมั่นใจในเรื่องการเมือง เกิดการจ้างงานและมีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมากขึ้น

“ดังนั้นในปีนี้เป็นปีที่เราต้องประคองตัวให้ได้ ต้องควบคุมต้นทุนค่าแรง รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างดีและรัดกุม แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เน้นย้ำเสมอคือ เราไม่มีการลดคุณภาพ ลดต้นทุนวัตถุดิบอย่างแน่นอน เรายังคงเสิร์ฟคุณภาพสู่ผู้บริโภคอย่างเต็มที่ ภายใต้สโลแกน “คัดสรรคุณภาพพิเศษมาเพื่อคุณ”

เปิดสาขาใหม่ กลางเดือน พ.ย. นี้ที่เชียงใหม่

ล่าสุด ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ นีโอ สุกี้ จะเปิดสาขาที่ 21 ที่เซ็นทรัลเฟสติวัล จ.เชียงใหม่ โดยอาจจะลดการให้น้ำหนักของลูกค้านักท่องเที่ยวจีนลงไป เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มหันไปท่องเที่ยวที่ประเทศอื่นๆ โดยข้อมูลช่วงโกลเด้นวีคที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนในเชียงใหม่ลดลงอย่างมาก

“แต่ไม่มีปัญหาครับ เพราะเราจะให้ความสำคัญกับคนท้องถิ่นมากขึ้น โดยเน้นทำโปรโมชั่นลดราคาช่วงเปิดสาขาใหม่ยาวจนถึงกลางไตรมาส 2 ปี 2562 เพื่อให้เกิดกำลังซื้อ และ traffic ในร้าน รวมถึงสร้างการรับรู้ของแบรนด์กับคนท้องถิ่นด้วย

 

ปัจจุบัน บริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารอยู่ 3 แบรนด์ คือ 1. นีโอ สุกี้ ตั้งเป้าให้เป็น สุกี้โฮมเมด ปีนี้เปิดได้ครบ 21 สาขาตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ยังขายแฟรนส์ไชส์ให้กับอินโดนีเซียและเวียดนามอีก 2 สาขา

2. กังฟู เป็นร้านอาหารหมูตุ๋น หม้อไฟ 1 สาขา ที่ตึกมิดทาวน์ 3. ซุนวู เป็นบาร์บีคิว ปิ้งย่าง 1 สาขาที่สัมมากรเพลส ราชพฤกษ์

รวมทั้งได้เตรียมเพิ่มแบรนด์ใหม่เข้ามาอีก 2 แบรนด์จากแถบยุโรปและอเมริกา เน้นอาหารรับประทานง่ายๆ

“แต่ไม่ว่าจะขยายสาขาออกไปมากแค่ไหน หรือเพิ่มแบรนด์ออกไปอีกกี่แบรนด์ หัวใจหลักสำคัญที่เราต้องมี คือการ “คัดสรรคุณภาพพิเศษมาเพื่อคุณ”

ณัฐพลกล่าวย้ำ

               

               

 

 

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online