บัญชีเงินฝากออมทรัพย์คนไทย มีเท่าไร ? และแต่ละธนาคารแบ่งลูกค้าอย่างไร ?
จากข้อมูลของ ธปท. ระบุว่าในเมืองไทยมีคนเปิดบัญชีออมทรัพย์มากถึง 87 ล้านบัญชี แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีแค่ 948,212 บัญชีเท่านั้นที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท
หากล้วงลึกข้อมูลลงไปอีกขั้น จะพบว่าบัญชีที่มีเงินฝากออมทรัพย์เกิน 100 ล้านบาทจะมีประมาณเกือบๆ 4,500 บัญชีเท่านั้น (ไม่รวมบัญชีฝากประจำและกระแสรายวัน)
แต่จะ 1 ล้านบาท หรือ 500 ล้านบาท ทั้งหมดก็คือกลุ่มคนที่ธนาคารพาณิชย์เมืองไทยต่างยกให้เป็นลูกค้าระดับ VIP ที่พร้อมเปิดเกมแย่งชิงลูกค้าด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ เพื่อให้ได้ครอบครองลูกค้าระดับเงินล้านมาอยู่ในมือตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถึงการมี “เงินฝาก” จะเป็นเกณฑ์อันดับแรกในการตัดสินใจของธนาคาร แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเข้ามา เช่น สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้และการลงทุนผ่านกองทุนต่างๆ
จากนั้นธนาคารก็จะทำการแบ่งเลเวลของลูกค้า VIP ของตัวเองว่าแต่ละคนควรจะอยู่ในเลเวลไหนกันบ้าง
เริ่มต้นแรกสุดคือกลุ่มคนที่มีเงินฝาก 1 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีธนาคารอย่าง Krungsri Prime, CIMB Preferred และ UOB Wealth Banking ที่เปิดให้บริการลูกค้ากลุ่มนี้
ถ้า 2 ล้านบาทอัพ ก็จะมี SCB Prime, THE PREMIER ของกสิกรไทย และ KTB PRECIOUS
ส่วนคนที่มีเงินฝากระดับ 5 ล้านขึ้นไปจะมีตัวเลือกที่หลากหลาย TMB Wealth Banking, UOB Privillage Banking และ Krungsri Exclusive TISCO Wealth
ส่วนกลุ่มที่มีเงินฝากระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไปก็จะมีแค่ SCB FIRST ที่ทำตลาดนี้จริงจัง
และระดับอภิมหาเศรษฐีเมืองไทยที่มีเงินฝากและสินทรัพย์ที่ให้ธนาคารบริหารเกิน 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB คาดว่าในเมืองไทยน่าจะมีประมาณ 30,000 คน
โดยเรียกกลูกค้ากลุ่มนี้ว่า PRIVATE BANKING มี SCB และ K Bank ที่ทำตลาดนี้จริงจัง

ความน่าสนใจคือธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ไม่ได้มองแค่เงินในบัญชีออมทรัพย์เพียงอย่างเดียวแต่ยังมองความมั่งคั่งที่อยู่รอบๆ ตัวลูกค้า รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าที่มีเงินฝากประจำและเงินฝากประเภทอื่นๆ
เพราะในสายตากลุ่มเศรษฐีเองก็มองว่าการนำเงินไปฝากธนาคารจำนวนหลายสิบล้าน ธนาคารเองก็ไม่ได้มอบอัตราดอกเบี้ยได้คุ้มค่า ถึงหลายธนาคารจะพยายามจะอัพเกรดดอกเบี้ยเงินฝากให้กลุ่ม Super Rich เหล่านี้แล้วก็ตามที
ก็เลยทำให้ Super Rich ที่มีเงินฝากจำนวนมากต่างโยกย้ายเงินบางส่วนเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ให้โอกาสผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารนั่นเอง
เพราะฉะนั้นคนที่มีเงินในบัญชีไม่ถึง 50 ล้านบาทก็อาจเป็นลูกค้า PRIVATE BANKING หากมีการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ที่ธนาคารประเมินว่าน่าจะรวมๆ กันแล้วเกิน 50 ล้านบาท
ไม่แปลกที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะประเมินว่าคนที่มีสิทธิเข้าสู่ PRIVATE BANKING ในเมืองไทยน่าจะมีมากกว่า 30,000 คน ซึ่งมากกว่าข้อมูลบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระบุว่าคนที่มีเงินฝากมากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป มีแค่ประมาณ 10,000 บัญชี
แต่ที่แน่ๆ กลุ่มลูกค้า Rich และ Super Rich ไม่ว่าจะอยู่ในยุคธนาคารดั้งเดิมจนมาสู่ยุคธนาคารดิจิทัล
ยังเป็นลูกค้าชั้นดีเกรด A ที่ทุกธนาคารต่างแย่งชิงแบบไม่มีใครยอมใคร พร้อมกับอัพเกรดมอบข้อเสนอสุดพิเศษต่างๆ มากมาย ทั้งที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล, ดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษ, ส่วนลดอัตราแลกเปลี่ยน, ห้องรับรองที่สาขา, ฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นต้น
ทุกธนาคารต่างเกทับบลัฟแหลก เป้าหมายก็เพื่อให้ลูกค้าย้ายเงินและพอร์ตการลงทุนจากธนาคารคู่แข่งมาอยู่ในมือตัวเอง
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
