ย้อนกลับไปเดือนมีนาคม 2561 ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เป็นธนาคารแรกที่กล้าประกาศ “ยกเลิกค่าธรรมเนียม” การโอน-จ่ายสารพัดบิล ผ่าน Mobile banking ของตัวเอง (ไม่นับ TMB ที่ทำมาก่อนใครเพื่อน)
จากนั้นเกือบทุกธนาคารก็เดินตามเหมือนกันหมด เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนแล้วว่า โลกของธุรกิจธนาคารกำลังจะ “เปลี่ยนแปลง” อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และ 1 ในธนาคารที่น่าติดตาม ก็คือ SCB ที่กระตุ้นให้ลูกค้าใช้งานผ่าน App ที่ชื่อว่า SCB Easy จากในช่วงต้นปี 2561 มีจำนวนผู้ใช้ 7.5 ล้านราย เวลานี้มี 9 ล้านราย
โดยล่าสุด SCB เปิดเผยว่าในจำนวนลูกค้า 9 ล้านรายมีจำนวนธุรกรรมบน App SCB Easy สูงถึง 90 ล้านครั้งต่อเดือน
และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง SCB ก็เป็นธนาคารแรกอีกเช่นกันที่กล้าประกาศว่าภายใน 3 ปี จะลดจำนวนสาขา
จาก 1,153 สาขาเหลือ 400 สาขา และลดพนักงานจาก 27,000 คน เหลือ 15,000 คน
SCB กำลัง “เซตเกม” ใหม่หมดด้วยการค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองมาเป็น “ธนาคารดิจิทัล”
พร้อมกับลด “ต้นทุน” จำนวนสาขาและพนักงานที่คิดเป็น 50-60% จากต้นทุนในการทำธุรกิจทั้งหมด
โดยในปีที่แล้ว SCB ปิดสาขาไปมากกว่า 100 สาขาส่วนในปีนี้ก็จะปิดอีกกว่า 100 สาขาเช่นกัน
เมื่อนโยบายของ SCB คือลดจำนวนสาขาต่อเนื่อง
ไอเดียที่จะใช้ “แบงกิ้งเอเย่นต์” ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ “เปิดทางไว้ให้” จึงเกิดขึ้น
หลังจากเป็นข่าวลือมานานในที่สุด SCB ก็เลือกให้ 7-Eleven ทำหน้าที่นี้
“ในอดีตธนาคารแทบจะเป็นทุกอย่างไม่ปล่อยให้คนอื่นมาช่วยทำ แต่เวลานี้เราต้องคิดใหม่ โดยให้ 7-Eleven ทำหน้าที่ รับฝาก ถอนเงิน ทั้งแบบ Non Digital ที่ลูกค้าแค่ระบุบัญชีธนาคารก็ทำธุรกรรมได้ทันที”
“จนถึงการฝากเงินผ่าน QR Code โดยใช้ App SCB Easy” อภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ SCB บอกถึงโมเดล แบงกิ้งเอเย่นต์
แล้วทำไม SCB ถึงต้องใช้ 7-Eleven ทำหน้าที่นี้?
เหตุผลสำคัญสุดเพราะ 7-Eleven มี 11,000 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศซึ่งสามารถเข้าถึงลูกค้าที่ยังไม่ได้ใช้บริการ Mobile banking ได้ทั่วถึง และยังเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
ที่น่าสนใจ SCB ไม่ได้รักเดียวใจเดียวจะใช้ 7-Eleven ทำหน้าที่แบงกิ้งเอเย่นต์แบบผูกขาด
“ร้านสะดวกซื้อรายอื่นๆ และกลุ่มห้าง Modern Trade ก็สามารถมาทำหน้าที่แบงกิ้งเอเย่นต์ได้”
“โดยวิธีคัดเลือกก็ต้องเป็นร้านที่มีความน่าเชื่อถือ และมีเทคโนโลยีที่รองรับเชื่อมต่อกับธนาคารได้ดี”
“ส่วนอนาคต แบงกิ้งเอเย่นต์ก็จะมีบริการใหม่ๆ เข้ามา ทั้งบริการสารพัดสินเชื่อ, ขายประกัน เป็นต้น” อภิพันธ์เปิดเผยถึงแผนในอนาคตของแบงกิ้งเอเย่นต์
ที่น่าสนใจต่อมาคือ 7-Eleven มี 11,000 สาขา ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางสาขาจะอยู่ในโลเคชั่นทับซ้อนกับสาขาธนาคาร SCB
สาขาที่อยู่ในกรณีดังกล่าวก็จะถูกพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ในการปิดสาขา
ส่วนคำถามที่ว่า 7-Eleven ได้อะไรกับการทำหน้าที่ แบงกิ้งเอเย่นต์?
ก่อนหน้านี้ 7-Eleven ก็ให้ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส” ทำหน้าที่แบงกิ้งเอเย่นต์ให้แก่ ธนาคารออมสิน โดยมียอดธุรกรรมอยู่ประมาณ 70,000 ครั้งต่อเดือน
โดยเคาน์เตอร์เซอร์วิสจะได้ค่าธรรมเนียม 15 บาท/รายการ โดยแบ่งให้ธนาคารในสัดส่วนที่น้อยมาก
เพราะจากการเปิดเผยของอภิพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ SCB ระบุว่าโมเดล แบงกิ้งเอเย่นต์ ทางฝั่งธนาคารไม่ได้คาดหวังรายได้จากช่องทางนี้ แต่ต้องการบริการลูกค้า
เมื่อเป็นเช่นนี้ “ของหวาน” ที่ เคาน์เตอร์เซอร์วิสเคยถูกธนาคารทำลายไปเมื่อปีที่แล้ว กำลังจะได้รับการทดแทนคืน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
หากจำกันได้ช่วงต้นปีที่แล้ว กลุ่มธนาคารพาณิชย์เลือกจะกดปุ่มฟรีค่าธรรมเนียมจ่ายสารพัดบิลต่างๆ ให้แก่ลูกค้าบน Mobile banking
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยเลือกจ่ายสารพัดบิลบน Mobile banking แทนที่จะจ่ายกับเคาน์เตอร์ เซอร์วิส
ที่ในอดีตลูกค้าต้องเสียค่าธรรมเนียม 10-15 บาท/1รายการ
รายได้เคาน์เตอร์เซอร์วิสจึงน่าจะหายไปไม่น้อยกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อธนาคารหันมาให้ 7-Eleven ทำหน้าที่แบงกิ้งเอเย่นต์ พร้อมเก็บค่าธรรมเนียมลูกค้าที่มาฝากและถอน 15 บาท/ 1 รายการ
ก็จะทำให้เคาน์เตอร์เซอร์วิสมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม แต่จะทดแทนจากรายได้ที่หายไปได้หรือไม่นั้น
คงยังเร็วเกินไปที่จะตอบ
แต่…ที่ตอบได้แน่นอนคือ ณ เวลานี้ 7-Eleven ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ SCB แต่เตรียมจะเป็นแบงกิ้งเอเย่นต์ให้แก่ทุกธนาคารที่ยื่นข้อเสนอมา
ไม่ต้องแปลกใจหากในอนาคตพนักงาน 7-Eleven จะเปลี่ยนวลียอดฮิตจาก “รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ”
“จะฝาก-ถอนเงินธนาคารไหนดีคะ?
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
