Music Marketing มากกว่าเสียงเพลงคือประสบการณ์ กรณีศึกษา บีเอ็มดับเบิลยู
บทเพลงที่ถูกขับร้องออกมาไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหน หรือภาษาอะไร เราก็ยังเชื่อว่า “ดนตรีไร้พรมแดน” คำนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ เพราะสิ่งที่สื่อออกมาทางบทเพลงนั้นคือ ความสวยงามของอารมณ์และความหมาย
เช่นเดียวกับในวงการโฆษณาที่ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ เลือกใช้ “เพลง” หรือกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างMusic Marketingมาทำให้การโฆษณาสินค้าไม่ใช่ในรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไป
แล้วอะไรคือMusic Marketing…
Music marketingหรือ การสื่อสารผ่านเสียงดนตรี ที่เอาเสียงดนตรีมาช่วยทำการตลาดเพื่อเชื่อมโยงแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายเข้าด้วยกัน
หากมองย้อนไปในอดีตเราคงคุ้นเคยกับพวกจิงเกิ้ล เพลงประกอบโฆษณาที่เป็นประโยคหรือเพลงสั้นๆ แต่สามารถจำได้แม่นขึ้นใจ นั่นก็ถือเป็นมิวสิกมาร์เก็ตติ้งรูปแบบหนึ่ง
มาในวันนี้มิวสิกมาร์เก็ตติ้งไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค แบรนด์ต่างๆ เลือกใช้ดารา ศิลปิน มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมออกเพลงหรือมิวสิกวิดีโอใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนขึ้นมาประกอบแคมเปญมากมาย
หากถามว่ากลยุทธ์การทำ Music Marketing ดีอย่างไรนั้น
มองว่าการใช้เพลงเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้มากขึ้นแล้ว สิ่งที่ได้ต่อมาคืออารมณ์ร่วม (Emotional) ประสบการณ์ (Experience) และความชัดเจนของความเป็นแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น
ยกตัวอย่างแคมเปญ “Be My World” ของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่ใช้กลยุทธ์ “Music Marketing” เปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น The All-New BMW Z4, The All-New BMW 3 Series และ The X7
โดยได้ศิลปินชื่อดังของไทย 3 คน 3 สไตล์ คือ ป๊อด ธนชัย อุชชิน, Daboyway และ มาเรียม เกรย์ ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ในการถ่ายทอดพลังผ่านบทเพลง หยิบยก “เสน่ห์” ออกมาในแบบฉบับของตัวเอง ที่เปรียบเสมือนกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลไม่เหมือนใคร

การใช้Music Marketingทำให้บีเอ็มดับเบิลยูมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ และเป็นที่จดจำมากขึ้นนอกเหนือจากลูกค้ากลุ่มเดิมได้เป็นอย่างดี
วันนี้เพลง “Be My World” ถูกนำมารีมิกซ์และคัฟเวอร์จากเหล่าศิลปิน Youtuber มากมาย ไม่ว่าจะเป็น BILLBILLY01, Ink Waruntorn, AUEYAUEY, MadpuppetStudio, Zommarie และ Ice Tamonwan ทำให้ปัจจุบันเพลง “Be My World” มีเพิ่มขึ้นถึง 6 เวอร์ชั่น ขยายกลุ่มเป้าหมายไปได้ไกลถึง 40 ล้านคนในเวลา 5 เดือน

นอกจาก “Be My World” จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้มากถึง 40 ล้านคนแล้ว มองว่า “Be My World” เป็นเทรนด์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งที่โดดเด่นจากเจ้าอื่น เพราะหากลองสังเกตดีๆ จะพบว่า ในมิวสิกวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้นไม่ได้มีชื่อแบรนด์ หรือชื่อเรื่องที่อาจจะทำให้ดูเป็นการยัดเยียดสินค้าให้ผู้บริโภคมากเกินไป
แต่บีเอ็มดับเบิลยูเปรียบเสมือนเพื่อนรู้ใจที่เติมเต็มให้กับทุกช่วงจังหวะของชีวิตที่สัมผัสได้จากอารมณ์ และน้ำเสียงที่ถูกสื่อผ่านบทเพลงทั้งหมด เพราะบีเอ็มดับเบิลยูรู้ว่าการทำแคมเปญนั้นจะต้องทำในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่แบรนด์ต้องการเพียงอย่างเดียว
นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่ไม่ได้หยุดส่งความสุขอยู่เพียงแค่สุนทรียภาพในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงไลฟ์สไตล์ด้านอื่นๆ ด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างผ่าน Music Marketing
ต้องติดตามกันต่อไปกับกลยุทธ์Music Marketingที่บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เตรียมทำโปรเจกต์พิเศษกับ LoveIs และบอย โกสิยพงษ์ ในปลายปีนี้ ที่น่าจะส่งโปรเจกต์สนุกๆ และน่าสนใจให้ได้ติดตามกันไม่น้อย

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
