การพัฒนาธุรกิจ 2562 ไอที ของมันต้องมี ผู้ประกอบการไทยจะโตได้อย่างไรในมุมมองของ ไมโครซอฟท์
ราว 2 ปีก่อน (2560) “ไมโครซอฟท์” ประกาศแต่งตั้ง ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)
ธนวัฒน์ มาพร้อมกับเป้าหมายเพื่อสร้าง Tech Intensity หรือความแข็งแกร่งในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคธุรกิจ
ในปี 2562 ไมโครซอฟท์เพิ่มเรื่อง Trust หรือความไว้วางใจในเทคโนโลยีเข้ามาเป็นอีกชิ้นส่วนสำคัญ พร้อมทั้งแง้ม ‘วิสัยทัศน์ 2020’ เพื่อผลักดันประชาชนและบุคลากรในวงการไอทีให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
แต่ก่อนไปถึงจุดนั้น ธนวัฒน์มองว่าภารกิจของไมโครซอฟท์นั้นต้องเริ่มจาก 3 เรื่องนี้
(1) AI in the core business
การพัฒนาธุรกิจ เรื่องแรกคือ การเอา AI มาใช้ (อย่างจริงจัง) ในภาคธุรกิจในฐานะตัวขับเคลื่อนหลักขององค์กร
“ปีที่แล้ว AI เป็น fancy word แต่วันนี้ทุกคนได้ยินคำนี้เยอะมาก ถามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมมองว่า AI จะถูกนำไปใช้ในธุรกิจมากขึ้น” ธนวัฒน์เปิดประเด็น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ โอเปอเรเตอร์ค่ายโทรศัพท์มือถือ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างบริษัทที่ใช้เอไอกับบริษัทที่ไม่ใช้จะพบว่า บริษัทที่ใช้เอไอ มี cost หรือค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า เรื่องนี้ส่งผลถึงผลประกอบการของบริษัทที่ดีขึ้น
“เวลาโอเปอเรเตอร์เสียลูกค้าไป cost มันมหาศาล เราจะทำยังไงที่จะเอา AI มาดูแพทเทิร์นของลูกค้าว่ากำลังจะ switch ไปอีกโอเปอเรเตอร์หนึ่ง”
“ภาค Manufactory ขนาดใหญ่ที่มีค่าไฟหลายพันล้าน ทำอย่างไรให้เอไอมาทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลง ถามว่าทำไมสำคัญ วันนี้โรงงานบ้านเราต้องแข่งกับบ้านอื่น ดังนั้น cost สำคัญมาก หรือเอา IOT ไปติดบนลิฟต์ทำให้รู้ว่าเครื่องไหนจะเสีย แต่ทีเด็ดไม่ได้อยู่แค่ลิฟต์ เขาเปลี่ยนเป็นเซอร์วิสชาร์จตามชั่วโมงที่ใช้ เพราะเขาสามารถรู้ว่าลิฟต์จะถูกใช้กี่เปอร์เซ็นต์ ”
“หรือ Starbucks ปกติพนักงานก็ไม่ได้ชงกาแฟเองนะครับ เขาจะมีสูตรที่เครื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ถ้าเราจินตนาการว่าสตาร์บัคส์จะเปลี่ยนสูตร cost มหาศาล สิ่งที่เราทำคือเอาสูตรไปใส่ในเครื่องกาแฟ เราเลยให้ IOT ส่งสูตรเปลี่ยนสูตรเข้าไป ด้วย cost ที่ต่ำและสปีดที่เร็ว หรือแม้กระทั่งใช้ blockchain เราสามารถรู้ได้เลยว่ากาแฟมาจากไร่ไหน ร้านไหน”
(2) Cyber Security and Data Privacy
ธนวัฒน์เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าโรงงานหรือแวร์เฮาส์สักแห่งจำเป็นต้องมี ‘พนักงานรักษาความปลอดภัย’ เช่นเดียวกับ ‘data’ ก็ต้องมี Cyber Security ที่สามารถปกป้องข้อมูลได้
“ช่วงประมาณ 1-3 ปีที่ผ่านมา มัลแวร์เพิ่ม 750% คนที่เป็นดาร์กไซด์ก็เข้าถึงเทคโนโลยีเหมือนกัน เขาก็พยายามโจมตีองค์กร จำนวนวันที่เข้าไปฝังตัวก่อนที่เราจะเจอมันอยู่ที่ 99 วัน ดังนั้น ความเสียหายมหาศาลมาก”
“ประมาณสองเดือนที่แล้วผมได้รับคอลประมาณห้าทุ่ม เขาบอกผมว่าบ่ายนั้นเขาเงินหายไปสามร้อยล้าน สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนร้ายส่งมัลแวร์เข้าไปฝังตัวในระบบพนักงานบัญชี ฝังมาสามเดือนหกเดือน จนเข้าใจแพทเทิร์นการทำงานของบริษัท หลังจากนั้นส่งอีเมลไปหาลูกค้าว่ามีการเปลี่ยนแปลงบัญชี จึงให้โอนมาอีกบัญชี (ที่เป็นของคนแฮก)”
“อีกเคส ส่งมัลแวร์เข้ามาชัตดาวน์ระบบ เข้ามาสามารถเทกโอเวอร์ไอทีได้ โอเปอเรชั่นทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะให้ขึ้นต้องส่งเงินมาให้เขา”
เรื่องเหล่านี้เป็นตัวออย่างที่ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการคุ้มกันระบบ ซึ่งปัจจุบันบุคลากรด้านนี้เป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก
อีกประเด็นคือ Data Privacy ซึ่งไมโครซอฟท์มองว่าไม่ใช่แค่บอกลูกค้าว่าเรากำลังเก็บข้อมูลอะไร แต่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถปกป้องข้อมูลลูกค้าได้ด้วย
(3) Digital Skills for a digital future
ธนวัฒน์ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีบุคลากรสายไอทีประมาณ 340,000 คน จากประชากรกว่า 70 ล้านคน ซึ่งจำนวนดังกล่าวยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนของประชากรทั้งหมด
โจทย์ต่อมาคือ ทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่มี digital skill ติดตัว
วิธีการหนึ่งที่ไมโครซอฟท์ทำ คือการสร้าง Microsoftt Power Platform เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถทำงานร่วมกันในรูปแบบใหม่ภายใต้โจทย์ ‘องค์กร’
แพลตฟอร์มฯ มีทั้ง Power BI เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างฉับไว, Power Apps สร้างแอปพลิเคชันจากเทมเพลตที่โปรแกรมมี และองค์กรสามารถนำแอปพลิเคชันไปใช้ได้จริงโดยเชื่อมโยงกับระบบงานของบริษัท, Microsoft Flow เชื่อมโยงข้อมูลและเอกสารข้ามแอปและบริการต่างๆ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
เรียกได้ว่าเป็น ‘ทางลัด’ ของผู้ประกอบการที่ต้องการใช้เทคโนโลยีแต่ไม่พึ่งบุคลากรสายไอทีโดยตรง
ในอนาคตไมโครซอฟท์จะเปิดตัวโปรแกรมต่างๆ ที่ตอบโจทย์คนกลุ่มอื่นๆ ที่มากขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นทั้งช่องว่างและโอกาสที่ไมโครซอฟท์หาจังหวะเติมเต็มในอนาคตด้วยเช่นกัน
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
