คาดตลาดเครื่องฟอกอากาศปีนี้ 1,700 ล้าน โต 149% “LG” ตั้งเป้าเป็นเบอร์ 1 เซกเมนต์พรีเมียมภายใน 2 ปี สู้ศึกด้วยเครื่องฟอกไซส์ ‘พกพา’ ราคา 7,990 บาท
อำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 ตลาดเครื่องฟอกอากาศมีมูลค่าราว 1,400 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้ตลาดจะมีมูลค่าที่ 1,700 ล้านบาท เติบโต 149% จากปี 2561 เนื่องจากปีนี้เจอวิกฤตฝุ่น PM2.5 หลายช่วง ทำให้ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ด้านการแข่งขัน LG เป็นผู้เล่น Top3 ในกลุ่มพรีเมียม (ระดับราคามากกว่า 20,000 บาท) เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการจับลูกค้ากลุ่มพรีเมียมโดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการดันให้ตลาดเติบโต ดังนั้น LG จึงตั้งเป้าเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดเครื่องฟอกอากาศภายใน 2 ปี โดยปี 63 คาดว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ก่อนที่ปีถัดไปจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1
ขณะที่ราคาเฉลี่ยของเครื่องฟอกอากาศ 1 เครื่องอยู่ที่ประมาณ 7,500 บาท จัดเป็นกลุ่มแมส
ส่วนแนวโน้มตลาดฯ ปี 2563 อำนาจมองว่า ตลาดจะเติบโตไม่เท่าปี 62 โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 50% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 2,500 ล้านบาท
โดย LG ตั้งเป้ายอดขายในปี 2563 ที่ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มเครื่องฟอกฯ ประมาณ 200 ล้านบาท และจากเครื่องปรับอากาศอีก 300 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือการขยาย ‘ช่องทางจัดจำหน่าย’โดยเน้นไปที่หน้าร้านมากขึ้น เนื่องจากจุดอ่อนของแบรนด์ที่ทำตลาดเครื่องฟอกฯ คือไม่ค่อยลงทุนหน้าร้าน ทำให้เข้าไม่ถึงผู้บริโภคบางกลุ่ม รวมถึงบริษัทจะพัฒนาความสามารถของพนักงานอีกด้วย
ล่าสุด LG ยังเปิดตัวเครื่องฟอกอากาศขนาดพกพา “LG Puricare Mini” ขจัดฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก 1.0 ไมครอน ขนาดกะทัดรัดพร้อมพกพา น้ำหนัก 530 กรัม ใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง ในราคา 7,990 บาท
นอกจากนี้ยังมี “แอลจี เพียวริแคร์ รุ่นดับเบิ้ล” ราคา 49,990 บาท, เครื่องฟอกอากาศ แอลจี เพียวริแคร์ รุ่นซิงเกิ้ล ราคา 29,990 บาท และเครื่องปรับอากาศ ดูอัล คูล วางจำหน่าย 2 ขนาด ได้แก่ 12,000 บีทียู ราคา 35,990 บาท และ 18,000 บีทียู ราคา 45,990 บาท
–
