NETFLIX งัดกลยุทธ์ Asia Content บุกตลาดที่เติบโตที่สุดอย่างเอเชียแปซิฟิก (วิเคราะห์)
Disney Plus มา NETFLIXจะทำอย่างไร เมื่อคอนเทนต์ในเครือดิสนีย์จะไม่มีใน NETFLIX
Apple TV+ มา NETFLIXจะทำอย่างไร เมื่อ Apple ให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าของ Apple ดูฟรี 1 ปี
HBO Max มา NETFLIX จะทำอย่างไร เมื่อ HBO มีแผนถอดคอนเทนต์ยอดนิยม ใน NETFLIX
เมื่อคู่แข่งมามากขนาดนี้ แล้ว NETFLIX จะไปต่ออย่างไร
กลยุทธ์หลักของ NETFLIX เป็นเรื่องของการหาคอนเทนต์ที่มีความเป็นโลคอลมากขึ้น เพื่อเข้าไปอยู่ใจในของผู้บริโภคในรูปแบบ Segmentation มากกว่าเดิม และถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่คู่แข่งยังไม่ลงมาเล่นมากนัก
ซึ่งกลยุทธ์ Asia Content ที่น่าสนใจของNETFLIXมีทั้งการนำคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จมาออนแอร์อีกครั้ง และการทำ Original Content ที่ดูได้เฉพาะในNETFLIXเท่านั้น

ผู้กองรีจองฮยอก และสหาย Original Content
การสร้างความแตกต่างของNETFLIXจากคู่แข่งประการแรก หนีไม่พ้นการทำ Original Content ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์หลักของแพลตฟอร์ม VDO Streaming ที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างดี
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า Original Content ใครจะถูกจริตคนดูได้มากกว่ากัน
การทำ Original Content ของNETFLIXเป็นการทำอยู่บนกลยุทธ์ Open Ecosystem ด้วยการจับมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์ในประเทศต่างๆ
แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในการทำ Original Content ของNETFLIX แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา NETFLIXได้รุก Original Content อย่างหนักเพื่อผลิตคอนเทนต์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อความหลากหลายของคอนเทนต์ และยังเป็นการสร้างกระแสผู้ชมที่เป็นประเทศเจ้าของคอนเทนต์ และประเทศอื่นๆ ที่ชอบคอนเทนต์ในรูปแบบเดียวกัน เช่นการร่วมมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์ไทย กับการทำ Original Content เรื่องเคว้ง เป็นเรื่องแรก
รวมถึงการจับมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์ในประเทศเกาหลีซึ่งเป็นประเทศที่มีการเขียนพล็อตเรื่องที่ดึงคนให้ติดตามอย่างน่าสนใจ
อย่างเช่นเรื่อง Crash Landing on You ที่เป็น Original Content จากเกาหลี ที่ไม่เพียงแต่สร้างความสำเร็จในประเทศเกาหลี ยังสามารถสร้างกระแสไปยังประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย ที่ใครๆ ก็ต่างรอชมผู้กองรีจองฮยอก EP ใหม่อย่างใจจดใจจ่อจนในวันนี้ผู้กองรีจองฮยอกได้จบลงและสร้างคราบน้ำตาให้กับผู้ชมจำนวนมาก
นอกจาก Crash Landing on You ที่เป็น Original Content ที่ประสบความสำเร็จแล้ว NETFLIXยังมี Original Content ในรูปแบบต่างๆ อีกจำนวนมาก
อย่างเช่นการจับมือกับ Marie Kondo กูรู ผู้จัดบ้านชาวญี่ปุ่น ทำ Original Content เรื่อง Tidying Up with Marie Kondo มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ต้องการจัดบ้านเช่นกัน

Studio Ghibli ออนแอร์สร้างกระแส Animation
จะเห็นได้ว่าในต้นปีนี้ มีข่าวNETFLIXจับมือกับ Studio Ghibli ค่าย Animation ประเทศญี่ปุ่น นำภาพยนตร์ Animation ของ Studio Ghibli ที่ได้รับความนิยมในอดีตมาออนแอร์ใน NETFLIXมากถึง 21 เรื่อง ในระยะเวลา 3 เดือน คือ กุมภาพันธ์-เมษายน 2563
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ The Tale of Princess Kaguya, มิติวิญญาณมหัศจรรย์ Spirited Away, My Neighbor Totoro โทโทโร่เพื่อนรัก เป็นต้น
การที่NETFLIXจับมือกับ Studio Ghibli ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าของNETFLIXในเอเชียแปซิฟิกเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ
จากรายงานประจำไตรมาส 3 ปี 2562 ของNETFLIXพบว่า รายได้ของNETFLIX นับตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2562 มีรายได้ทั้งหมดที่ 4.51 แสนล้านบาท หรือ 14,460.24 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และมีการเติบโตมากถึง 26.5%
โดยเอเชียแปซิฟิกเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงสุดถึง 57% ด้านรายได้และเติบโตด้านสมาชิก 53%
แม้NETFLIXในเอเชียแปซิฟิกยังคงมีสัดส่วนรายได้ที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ แต่อัตราการเติบโตนี้ คือสิ่งที่ทำให้NETFLIXเบนเข็มเข้ามาสร้าง Local Partnership ผ่าน Local Content มากขึ้น และทุ่มเงินไปกับคอนเทนต์เอเชียเป็นส่วนใหญ่
พร้อมกับการวางแผนการตลาดที่ทำกลุ่มแฟน Animation และกลุ่มลูกค้าครอบครัวเข้ามาดูคอนเทนต์ในNETFLIXเพิ่มขึ้น
และNETFLIXยังได้วางกลยุทธ์การตลาดที่ให้แฟนๆ ของ Studio Ghibli ต้องยอมจ่ายเงินเพื่อดู Animation เรื่องต่างๆ จาก Studio Ghibli เป็นเวลา 3 เดือน

เพราะ NETFLIX ไม่ได้นำ Animation มาฉายทั้งหมด 21 เรื่องเลยทีเดียว แต่จะกำหนดเรื่องฉายในแต่ละเดือน เพื่อให้แฟนๆ ค่อยๆ ดูอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการจ่ายสมาชิกในแต่ละเดือนโดยไม่รู้ตัว
กลยุทธ์เหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากความท้าทายของธุรกิจ VDO Streaming แบบบอกรับสมาชิกรายเดือน เป็นธุรกิจแทบที่จะไม่มี Brand Loyalty ลูกค้าสามารถเปลี่ยนใจย้ายแพลตฟอร์มไปไหนก็ได้ ตราบเท่าที่ยังคงต้องการดูคอนเทนต์ยังมีอยู่
เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ดู VDO Streaming ไม่ได้ดูเพราะแพลตฟอร์ม แต่ดูเพราะคอนเทนต์ที่มีนำเสนออยู่ในนั้น และถ้าคอนเทนต์มีความน่าสนใจลดลง โอกาสในการไม่ต่อสมาชิกและเปลี่ยนไปดูแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็มีมากขึ้นตามมา
พฤติกรรมที่เรากล่าวมา การแข่งขันในธุรกิจ VDO Streaming จึงไม่ได้แข่งกันที่การหาลูกค้าใหม่เท่านั้น แต่แข่งกันที่การหาคอนเทนต์ที่หลากหลาย ระบบ Algorithm ที่ให้ลูกค้าดูคอนเทนต์ภาคต่อไม่สะดุด และจับพฤติกรรมลูกค้า พร้อมเสนอคอนเทนต์อื่นๆ ที่คิดว่าตรงกับความชอบลูกค้าเพื่อดึงให้ดูต่อเมื่อคอนเทนต์เรื่องเดิมจบลง หรือออกจากคอนเทนต์ที่เข้าไปดูกลางคัน เพื่อหาคอนเทนต์ใหม่ๆ ดูเพิ่มเติมอีกด้วย
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
