สำหรับคนในกรุงเทพฯ ที่พึ่งยามหนีรถติด นอกจากรถไฟฟ้าแล้วคงหนีไม่พ้นเส้นทางทางน้ำอย่างเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือคลองแสนแสบ สองขนส่งสาธารณะที่ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางได้เร็วขึ้น ในราคาประหยัด

ในปีที่ผ่านมาข้อมูลจากกรมเจ้าท่าพบว่าเรือด่วนเจ้าพระยาให้บริการผู้โดยสารต่อวัน 36,618 คน จากเที่ยวเรือ 216 เที่ยว

ส่วนเรือคลองแสนแสบ เปิดบริการรับส่งผู้โดยสาร 28 ท่า รับส่งผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 62,016 คน  

แต่เมื่อดูที่รายได้ เรือด่วนเจ้าพระยา รายได้ในปี 2561 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 192.72 ล้านบาท ส่วนเรือคลองแสนแสบ มีรายได้ 84.02 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าเรือด่วนเจ้าพระยามีมากกว่าเรือคลองแสนแสบมากกว่าเท่าตัว หรือ 108 ล้านบาท

เหตุผลเพราะอะไร

1. ความหลากหลายในการให้บริการ

แม้ธุรกิจของเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือคลองแสนแสบจะเป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง จากการมีผู้ให้บริการเพียงรายเดียว  แต่ทั้งสองธุรกิจนี้มีบิสซิเนสโมเดลในการทำธุรกิจที่แตกต่างกันไป

โดยเฉพาะการตั้งราคาและรูปแบบการให้บริการ

เรือด่วนเจ้าพระยาวางบิสซิเนสโมเดลในการให้บริการออกเป็นเรือ 3 รูปแบบ ได้แก่

เรือไม่มีธง เป็นเรือประจำทางที่จอดทุกท่า เก็บค่าบริการราคา 9 บาท 11 บาท และ 13 บาทตามระยะทาง

เรือธงส้ม เป็นเรือด่วนที่จอดเฉพาะบางท่า อัตราค่าบริการ 15 บาทตลอดเส้นทาง

เรือธงเหลือง เป็นเรือด่วนจอดเฉพาะท่าสำคัญ อัตราค่าบริการ 20 บาทตลอดเส้นทาง

เรือธงเขียว เรือด่วน จอดเฉพาะบางท่า และเป็นเรือลำเดียวที่วิ่งไปถึงปากเกร็ด มีอัตราค่าบริการตามระยะทาง ได้แก่ 13 บาท 20 บาท และ 32 บาท

ส่วนเรือคลองแสนแสบมีบริการเพียงรูปแบบเดียว คือจอดทุกท่า และเน้นให้บริการไปที่ความถี่ของการออกเรือ

โดยเรือคลองแสนแสบ มีอัตราค่าบริการ 9 บาท 11 บาท 13 บาท 15 บาท 17 บาท และ 19 บาท ตามระยะทาง ซึ่งถือว่าค่าบริการสูงสุดของเรือคลองแสนแสบยังถูกกว่าเรือด่วนเจ้าพระยาธงเขียวที่มีราคาให้บริการสูงสุดที่ 32 บาทต่อคนต่อเที่ยว

 

2.ท่องเที่ยวและโดยสาร

เรือด่วนเจ้าพระยาเป็นเรือที่ให้บริการอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตลอดสองฝั่งเจ้าพระยามีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ท่าเรือหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นวัดอรุณฯ, วัดพระแก้ว ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของต่างชาติ, ทำให้เรือด่วนเจ้าพระยามีผู้ใช้บริการเป็นนักท่องเที่ยวที่นั่งเรือท่องเที่ยวด้วยตัวเอง โดยผู้โดยสารกลุ่มนี้อาจจะนั่งเรือชมความงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนที่จะแวะลงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในตอนจบของทริป

นอกจากนี้ เรือด่วนเจ้าพระยาอาจจะมีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มที่อาศัยอยู่โซนนนทบุรี ปากเกร็ด ที่ต้องการเดินทางเข้ามาต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อเข้าไปทำธุระในเมือง ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้โดยสารที่นั่งเรือในระยะทางที่ไกล ซึ่งหมายความว่าเรือด่วนเจ้าพระยามีรายได้ค่าโดยสารที่สูงขึ้น

รวมถึงกลุ่มที่นั่งเรือระยะใกล้ แต่ไม่อยากรอเรือไม่มีธงซึ่งเป็นเรือโดยสารประจำทาง และเลือกที่จะขึ้นเรือลำไหนก็ได้ที่เข้ามาเทียบท่าเป็นลำแรกเพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น ซึ่งบางครั้งเรือที่มาเทียบท่าเป็นเรือธงส้มหรือธงเหลือง ที่คิดอัตราค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย

ส่วนเรือคลองแสนแสบ ส่วนใหญ่ผู้ใช้บริการนิยมใช้สัญจรเพื่อไปทำงาน ไปเรียน และไปธุระเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสถานที่ที่อยู่ริมฝั่งคลองแสนแสบส่วนใหญ่จะเป็นสถานการศึกษา ออฟฟิศสำนักงาน และแหล่งชุมชน เป็นหลัก ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้โดยสารเรือคลองแสนแสบนิยมนั่งเป็นระยะทางใกล้ๆ เพื่อย่นระยะทางรถติดเท่านั้น

โดยในปีที่ผ่านมาเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือคลองแสนแสบมีท่ายอดนิยมดังนี้

5 ท่ายอดนิยมคนแสนแสบ

ท่าประตูน้ำ 16,661 คน/วัน

ท่าเดอะมอลล์บางกะปิ 12,828 คน/วัน

ท่าวัดศรีบุญเรือง 9,655 คน/วัน

ท่าอโศก 9,491 คน/วัน

ท่า ม. รามคำแหง 8,326  คน/วัน

 

ท่ายอดนิยมคนเจ้าพระยา

ท่าสาทร 13,104 คน/วัน

ท่านนทบุรี 7,806 คน/วัน

ท่าวัดอรุณ 6,506 คน/วัน

ท่าพรานนก 6,119 คน/วัน

ท่าราชวงศ์ 4,546 คน/วัน

ที่มา: กรมเจ้าท่า จากรายงานประจำปี 2562 นับจากผู้โดยสารขาขึ้นนับ 1 คน และขาลงนับ 1 คน

 

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเรือด่วนเจ้าพระยา หรือเรือคลองแสนแสบ จะมีรายได้เท่าไร แต่ทำให้เราสัญจรฝ่ารถติดได้สะดวกสบายขึ้น


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer