ตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่า 56,000 ล้านบาท
และ “ซัมเมอร์” คือเวลาทองของตลาดน้ำอัดลม
เพราะยอดจำหน่ายน้ำอัดลมในช่วงหน้าร้อนนี้จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าในช่วงปกติอยู่มาก
เพราะอุณหภูมิร้อนๆ ของอากาศทำให้ผู้บริโภคอยากจะหยิบเครื่องดื่มแก้กระหาย ดื่มแล้วซ่าชื่นใจ มาดับร้อนกันมากขึ้น
เราจึงมักเห็นเหล่ายักษ์น้ำดำทั้ง “เป๊ปซี่-โค้ก-เอส” สาดงบทำแคมเปญรับหน้าร้อนกันแบบคึกคัก
แต่ปีนี้ดูเหมือนแคมเปญซ่ารับซัมเมอร์ของตลาดน้ำอัดลมจะไม่ซ่าเท่าที่ควรจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประวัน รวมทั้งกระทบต่อธุรกิจด้วย
แล้วตลาดน้ำอัดลมกระทบอย่างไร
ยอดจำหน่ายผ่านช่องทาง “ร้านอาหาร” ลดลง ถึงแม้น้ำอัดลมทั้ง 3 เจ้านี้จะมีช่องทางการขายที่หลากหลาย ทั้งร้านโชห่วย ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่สามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่องทั้งในยามปกติ และตอนนี้

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขายผ่าน “ร้านอาหาร” ก็เป็นอีกสัดส่วนที่ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น แต่ตอนนี้ร้านอาหารทั่วประเทศไม่สามารถจำหน่ายแบบนั่งรับประทานภายในร้านได้ ให้สั่งซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น
การขายน้ำอัดลมที่เสิร์ฟในร้านตัวเลขตรงนี้จึงหายไป
ที่กระทบมากกว่าใคร มองว่าเป็น “เอส” ที่ปีนี้เริ่มต้นปีกับแคมเปญ ‘เอส โคล่า พระเอกของมื้ออร่อย’ ทำแคมเปญกระตุ้นการบริโภคบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วในร้านอาหารทั่วประเทศ
ที่ตอนนี้อาจจะหวังยอดขายจากขวดแก้วในช่วงซัมเมอร์ได้ไม่มากเท่าที่ควร
นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบในเรื่องการจัดอีเวนต์ การจัดเทศกาลดนตรี ที่เหล่าแบรนด์น้ำอัดลมเป็นผู้สนับสนุนหลักตามงานต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ บวกกับช่วงอากาศร้อนๆ ที่เชื่อว่าเกือบทุกเจ้าหมายมั่นกับยอดขายจากการเป็นผู้สนับสนุนนี้
แต่ปีนี้กลับต้องเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ที่หวังจากการจัดอีเวนต์ในช่วงสงกรานต์ต้องพับเก็บ
แม้ไลน์ผลิตและรถส่งสินค้าไปยังช่องทางจัดจำหน่ายต่างๆ สามารถดำเนินไปได้อย่างปกติ
ต้องจับตาดูต่อไปว่าตลาดน้ำอัดลมที่ซัมเมอร์ไม่ร้อนแรง ไม่ซ่าเท่าเดิม
จะส่งผลให้ภาพรวมในปีนี้เป็นอย่างไร
–
