ช่องโหว่ในการยับยั้งการระบาดของมาตรการ “คุมแต่ไม่เข้ม” และเสียงเรียกร้องจากคนในประเทศ อาจทำให้รัฐบาลสวีเดนนิ่งนอนใจไม่ได้อีกต่อไป โดยนักพัฒนาแอปของ Startup แห่งหนึ่งในสวีเดน ไม่พอใจอย่างมากหลังทราบว่าพนักงานในบ้านพักคนชราที่แม่อยู่ ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เช่น mask, face shield หรือแม้กระทั่งถุงมือ และยังไม่ทราบวิธีดูแลผู้สูงอายุที่ถูกต้องท่ามกลางการระบาดของไวรัส Covid-19 อีกด้วย
การออกมาเปิดเผยของนักพัฒนาแอปรายนี้มีขี้นท่ามกลางจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัส Covid-19 ในสวีเดนที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,300 คน โดยในจำนวนนี้ 1 ใน 3 เป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามบ้านพักคนชรา
ด้านบุคลากรทางการแพทย์ระดับสูงและนักระบาดวิทยาก็เรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนเพิ่มความเข้มงวดในการยับยั้งการระบาด หลังมาตรการ “คุมแต่ไม่เข้ม” ที่เชื่อว่าสอดคล้องกับนิสัยรักอิสระของคนในชาติ ไม่ได้ผล และสวนทางกับมาตรการของประเทศอื่นๆ จนทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
บุคลากรทางการแพทย์ระดับสูงของสวีเดนยังเตือนว่ามาตรการจำกัดการระบาดที่ไม่เข้มงวด อาจทำให้พนักงานในบ้านพักคนชรานำเชื้อจากภายนอกระหว่างออกมาใช้ชีวิตหลังเลิกงาน กลับไปติดคนชรา
ด้านพนักงานในบ้านพักคนชราสวีเดนเผยว่า สถานการณ์ระบาดในบ้านพักคนชราที่กำลังย่ำแย่ ยังมีสาเหตุมาจากการขาดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ และรัฐบาลก็ไม่ได้เตือนให้ดูแลคนชราเข้มงวดกว่าในภาวะปกติ ทั้งที่เป็นเรื่องสมควรทำอย่างยิ่ง จนพวกตนต้องทำงานท่ามกลางความกังวล
นายกรัฐมนตรี Stefan Lofven
สำหรับสวีเดนถูกตั้งข้อสงสัยและเผชิญกระแสวิจารณ์โดยเฉพาะจากเพื่อนบ้านในยุโรป หลังนายกรัฐมนตรี Stefan Lofven เลือกวิธีขอความร่วมมือและขอให้ประชาชนมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมเพื่อสกัดการการระบาด เช่น จำกัดจำนวนลูกค้าตามร้านค้า และให้ร้านอาหารเว้นระยะห่าง
รวมถึงให้ผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้ออยู่บ้านหรือบ้านพักคนชรา เพราะเชื่อว่าความหนาแน่นของประชากรที่น้อยจะทำให้อัตราการระบาดไม่สูงเหมือนอิตาลีและสเปนที่ประชากรหนาแน่นกว่า/theguardian
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ