‘บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT’ ประเมินผลงานครึ่งปีแรกของปี 2563 รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 25-27% ได้ตามแผนจากการบริหาร Product Mix และจัดการต้นทุนการผลิตได้มีประสิทธิภาพ มองช่องทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยเติบโตเด่น ขณะที่ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนหลังรัฐทยอยคลายล็อกดาวน์ ย้ำเดินหน้าแผนลงทุนต่อเนื่อง จากโครงการเพิ่มกำลังการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์อีกจำนวน 5.5 หมื่นตัน และติดตั้งโรบอตเพื่อผลักดันสู่การเป็น Smart Factory

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป และบริการหลังการขายภายใต้ตราสินค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินผลงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 เชื่อมั่นว่าจะรักษาอัตราทำกำไรขั้นต้นได้ตามแผนที่ 25-27% จากแผนบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยกว่า 90% เป็นผลให้ต้นทุนสินค้าต่อหน่วยต่ำ ประกอบกับบริหารสัดส่วนการขายสินค้าหรือ Product Mix ได้ดี ส่วนทิศทางรายได้คาดว่าปรับตัวลงไม่มากนัก แม้กลุ่มลูกค้าโครงการ และกลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดแข็งของ DRT ที่มีช่องทางหลากหลายจึงสามารถบริหารความเสี่ยงได้

ทั้งนี้ ช่องทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของยอดขายรวม มีอัตราขยายตัวโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ต้องปิดสาขาชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ภายหลังภาครัฐคลายล็อกดาวน์ให้ช่องทางดังกล่าวกลับมาเปิดได้อีกครั้ง พบว่า ในเดือนมิถุนายนนี้มีสัญญาณคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมสินค้าไว้พร้อมป้อนให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว

“เราประเมินในเบื้องต้นว่า ยอดขายครึ่งปีแรกจะชะลอตัวไม่มากนัก เนื่องจาก DRT มีจุดแข็งตั้งแต่การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย การจัดการด้านต้นทุนการผลิต และ Product Mix ช่วยลดความเสี่ยงของผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นได้เป็นที่น่าพอใจ โดยยังคงรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามแผน” นายสาธิตกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DRT กล่าวว่า ส่วนภาพการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ทิศทางจะไปในทางที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าตามแผนลงทุนตามเดิม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการเพิ่มกำลังการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ NT-11 เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์อีก 55,000 ตัน รองรับความต้องการใช้สินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้และเริ่มเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ในปีถัดไป นอกจากนี้ ยังทยอยลงทุนติดตั้งโรบอตในไลน์การผลิต ทดแทนการใช้แรงงานคนบางส่วนเพื่อยกระดับให้โรงงาน DRT ก้าวสู่การเป็น Smart Factory ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลงในระยะยาวอีกด้วย



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online