- ผมชอบที่จะทำธุรกิจรถยนต์ ให้เราใช้รถแล้วไม่ขาดทุน คือได้ใช้ด้วยและได้ขายด้วย
คำบอกเล่าของ อภิชาติ บุษยลักษณ์ Founder & CEO วัย 38 ปี ของบริษัท พาหนะ กรุ๊ป จำกัด ศูนย์จำหน่ายรถยนต์มือหนึ่งและรถมือสอง ระดับ Luxury car ชื่อดังของเมืองไทย
จากหนุ่ม Marketing Financial อนาคตไกล ที่ตัดสินใจทิ้งงานประจำโดยแอบที่บ้านลาออก เพื่อมาทำสิ่งที่ตัวเองชอบด้วยเงินทุนเพียง 400,000 บาท อย่างการเปิดบริษัทจำหน่ายรถยนต์โดยเน้นที่กลุ่ม Niche Market รถหายากมีจำนวนน้อยในท้องตลาด
เจอทั้งโชคดีบ้าง เจอพิษเศรษฐกิจการเมืองบ้าง แต่อภิชาติก็นำพาความชื่นชอบและธุรกิจของเขาเติบโตจนวันนี้กลายเป็น “พาหนะกรุ๊ป” ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา และกำลังจะมีสาขาที่ 4 ในต้นปีหน้า และมีรายได้รวมกว่า 88 ล้านบาท เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา

เปลี่ยนความชอบให้เป็นอาชีพ
อภิชาติเล่าให้ฟังว่า เขาคือคนที่ชื่นชอบรถยนต์และมีการเปลี่ยนรถยนต์มือสองบ่อย ๆ ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจึงเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงการนี้ โดยทำงานพิเศษเป็นเซลขายรถยนต์ ทั้งรถยนต์ใหม่และรถมือสอง
“เราเริ่มเปลี่ยนรถมาตั้งแต่เด็ก พอเปลี่ยนรถมือสองบ่อย ๆ ก็รู้สึกอยากศึกษาให้มากขึ้นเพื่อให้เราซื้อรถได้ในราคาไม่สูงมากและไม่โดนหลอก”
เพื่อให้ได้ประสบการณ์เพิ่ม หลังจากเรียนจบอภิชาติได้เข้าไปทำงานเป็น Marketing Financial ด้านการตลาดสินเชื่อรถยนต์มือสองให้ธนาคารที่ทำเรื่องสินเชื่อรถยนต์เจ้าแรกในไทย
“ผมใช้เวลาทำงานที่นี่กว่า 5 ปี ได้เรียนรู้เรื่องราคา กลุ่มลูกค้าต่าง ๆ วิเคราะห์ได้ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะชอบรถประเภทไหน และเล็งเห็นโอกาสการทำตลาดรถยนต์ที่เป็นกลุ่ม Niche Market จึงตัดสินใจลาออก และเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยตนเองในปี 2552 โดยใช้เงินทุนประมาณ 400,000 บาท เริ่มจากการซื้อรถลักษณะแปลก ๆ ที่มีอยู่ในตลาดเพียง 5-10 คัน ผมเริ่มจากจุดนั้น”
การตัดสินใจออกจากงานประจำที่ได้รับผลตอบแทนสูงและกำลังไปได้ดีในครั้งนั้น อภิชาติบอกว่าเขาลาออกโดยไม่ได้บอกที่บ้าน นั่นเพราะที่บ้านไม่สนับสนุน
“ครั้งแรกที่จะลาออกเราบอกแม่ก่อน ก็โดนดุกลับมาเพราะที่บ้านไม่ได้มีธุรกิจอะไรรองรับ เราก็เลื่อนระยะเวลาไปเรื่อย ๆ แต่ด้วยความมั่นใจว่าเราทำได้ จึงตัดสินใจลาออกโดยไม่ได้บอกที่บ้าน ระหว่างนั้นคือเราออกไปทำงานทุกวันเป็นปกติ เพื่อความสบายใจของครอบครัว”
แม้อภิชาติจะกังวลว่ารายได้ในตอนนั้นจะไม่เหมือนกับที่ทำงานประจำ และช่วงแรกอาจมีเรื่องกระแสเงินสดขาดมือบ้าง ติดขัดบ้าง แต่ด้วยความมั่นใจและประสบการณ์ที่มี ทำให้ธุรกิจของเขาไปได้ดีและเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
“ตลาดรถยนต์สำหรับกลุ่มผู้นำเข้าอิสระ (Grey Market) เริ่มบูมมากขึ้นในประเทศไทย ทำให้คนส่วนใหญ่หันไปมุ่งเน้นรถใหม่นำเข้ากันเยอะมาก ส่วนผมยังไม่มีกำลังซื้อรถในราคาสูงขนาดนั้นมาสต๊อก เลยเลือกหาซื้อรถมือสองที่หายากในตลาดมาขายแทน หลังจากนั้นคนเริ่มหันมาสนใจรถมือสองแนวนี้มากขึ้น ทำให้สามารถขายรถหมดสต๊อกทุกเดือน”

เมื่อมองเห็นธุรกิจมีหนทางเติบโต ในปี 2554 อภิชาติจึงตัดสินใจเปิดบริษัท แอ๊ทลาสออโต้ (Atlas Auto) จำหน่ายรถยนต์กลุ่ม Niche Market เช่นเดิม แต่เพิ่มศูนย์บริการดูแลและซ่อมรถยนต์ครบวงจรเข้ามา
ธุรกิจของเขาค่อย ๆ เติบโต ฐานลูกค้าขยายกว้างขึ้น เริ่มมีคนมาถามถึงรถนำเข้า (Grey Market) ที่ไม่ค่อยมีในประเทศไทย อภิชาติที่ในขณะนั้นยังไม่มีความรู้และยังไม่ศึกษาเรื่องนี้เท่าใดนัก ได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่คนสนิท ทำให้เขานำเข้ารถหรูโดยเน้นที่รถตู้เป็นส่วนใหญ่
กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจขยับขยายมากขึ้น โดยในปี 2555 อภิชาติได้ร่วมทุนกับหุ้นส่วนท่านหนึ่ง เปิดบริษัท “พาหนะกรุ๊ป จำกัด” (Phahana Group) ศูนย์จำหน่ายรถยนต์มือหนึ่งนำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย และรถมือสองระดับ Luxury car
พาหนะกรุ๊ป ของอภิชาติกำลังไปได้สวย รถยนต์มือสองที่เป็นแนวลักชัวรี่คาร์ (Luxury car) เริ่มมีมากขึ้น แต่ทว่าทุกธุรกิจย่อมมีอุปสรรค เขาต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อพิษเศรษฐกิจและการเมืองในตอนนั้นส่งผลโดยตรงต่อตลาดรถยนต์ที่เขาทำอยู่
“ในปี 2557 ธุรกิจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง กลุ่มลูกค้าของเราส่วนใหญ่เริ่มมีปัญหาทางการเงิน ยอดที่เคยขายได้ต่อเดือนลดลงอย่างรวดเร็ว ผมแก้ปัญหาโดยการ Cut Loss ทิ้ง คือยอมขายรถยนต์ที่มีอยู่ในสต๊อกโดยขายทั้งในราคาทุนและขาดทุนออกไปให้หมด เพื่อที่จะสำรองเงินสดไว้ให้ได้มากที่สุดและเพื่อประคับประคองให้โชว์รูมอยู่ต่อไปได้”

หลังผ่านช่วงมรสุมไป พาหนะกรุ๊ปกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง พร้อมทัศนคติใหม่ในการทำธุรกิจของอภิชาติ
“จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราเปลี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจและการลงทุนใหม่ โดยการนำเงินที่เราเก็บไว้ใช้มาลงทุนแทน เมื่อไม่ต้องกู้เงินก็ทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือมีหนี้เสียใด ๆ อีก”
ปัจจุบันพาหนะกรุ๊ป มีสาขาทั้งหมด 3 แห่ง คือ เกษตรนวมินทร์, บางแสน และเวียงจันทน์ โดยกำลังจะเปิดสาขาใหม่เร็ว ๆ นี้ในย่านกรุงเทพกรีฑา
แม้ตอนนี้ตลาดรถยนต์นำเข้าหรือตลาดลักชัวรี่คาร์ (Luxury car) จะมีผู้เล่นหลากหลาย แต่พาหนะกรุ๊ปยังแข็งแกร่งได้ด้วยแนวคิดการดำเนินธุรกิจของผู้บริหารหนุ่มคนนี้
“พาหนะกรุ๊ปมีนโยบายคือไม่เน้นสต๊อกสินค้า ไม่สั่งรถมารอคนซื้อ แต่สั่งรถเมื่อมีคนซื้อ นอกจากจะทำให้ทุนเราไม่จมแล้วยังสามารถซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว โชว์รูมของพาหนะกรุ๊ปทุกสาขา เราเน้นเป็นศูนย์บริการที่ครบวงจร เรามีช่างผู้เชี่ยวชาญสำหรับรถลักชัวรี่โดยเฉพาะ โดยเน้นวิธีการเปลี่ยนมากกว่าซ่อม เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ให้เขาไม่มีปัญหาการส่งซ่อมซ้ำ และที่สำคัญเรามีพันธมิตรมากมาย ไม่มีใครเป็นคู่แข่ง เรามีแต่คู่ค้า”

เมื่อถามถึงทิศทางของพาหนะกรุ๊ปในอนาคต อภิชาติกล่าวว่า “หากพาหนะกรุ๊ปเปิดโชว์รูมที่ไหนจะมีศูนย์บริการควบคู่ไปด้วย และการเปิดโชว์รูมตอนนี้เน้นใช้ที่ดินของตัวเองเพื่อลดทอนค่าเช่าลง ขณะเดียวกันระบบภายในของเราเน้นใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่บัญชีหลังบ้าน การค้นหาสต๊อก ตลอดจนระบบบริการ ซึ่งทำให้เราควบคุมได้ง่าย ใช้คนน้อยลง”
“ผมชอบที่จะทำธุรกิจรถยนต์ ให้เราใช้รถแล้วไม่ขาดทุน ซื้อมาในราคา 500,000 บาท เราได้ใช้ด้วยและขายได้ด้วย นี่คือสิ่งที่ผมเริ่มต้นก่อน บางคนอาจจะชอบแต่งรถ ชอบสะสมรถ ก็จะเป็นอีกสไตล์ แต่ความรักที่เรามี คือเรารักที่จะหารายได้ ไม่ได้รักจะเอารายได้มาเสียกับมัน
ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่เราได้รักและได้รับมาจากธุรกิจนี้ก็คือ ได้ใช้รถทุกยี่ห้อในทุก ๆ วัน เปลี่ยนรถทุก ๆ วัน โดยที่เราสามารถได้ใช้และได้ขายด้วย” อภิชาติกล่าวทิ้งท้าย
–
