เถ้าแก่น้อยเคยคาดการณ์ไว้ว่าปี 2563 จะมีกำไรสุทธิ 442.6 ล้านบาท
แต่เมื่อจบปีเป็นที่เรียบร้อย กำไรเถ้าแก่น้อยเหลือเพียง 242.6 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดไว้ 200 ล้านบาท
การลดลงนี้มาจากอะไร
1.รายได้จากการขายในประเทศลดลง 39.8% จากปี 2562
แม้ในปีนี้เถ้าแก่น้อยจะปรับแผนธุรกิจและการตลาดเพื่อความอยู่รอด และสร้างความฮือฮาให้กับตลาดด้วยการนำชานม จัสท์ ดริ้งค์ มาขายในเซเว่นอีเลฟเว่น 6,000 สาขา ในปลายเดือนธันวาคม 2563 เพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดขายไปจากกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นตลาดหลัก
แม้การนำ จัสท์ ดริ้งค์ เข้ามาจำหน่ายจะสามารถสร้างพลังการพูดถึงเปลี่ยนเป็นพลังการซื้อจนของหมดเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแรกของการเปิดตลาด
พร้อมกับปรับกลยุทธ์การตลาดเน้นกิจกรรมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซจากความสะดวกและลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 81% ด้วยมูลค่า 163,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 294,000 ล้านบาท อ้างอิงจากไพรซ์ซ่า
แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนรายได้ของเถ้าแก่น้อยที่หายไปจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาได้มากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้กับธุรกิจเถ้าแก่น้อยมากถึง 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมดในประเทศไทย
เพราะรายได้ที่หายไปจากนักท่องเที่ยวในปี 2563 ที่ไม่สามารถมีรายได้อื่น ๆ เข้ามาทดแทนได้อย่างเเถ้าแก่น้อยจึงมีรายได้เหลือเพียง 1,275.6 ล้านบาทเท่านั้น
2. เถ้าแก่น้อยแลนด์ ยอดขายลดเพราะนักท่องเที่ยวหาย
ในปีที่ผ่านมามีการปิดเถ้าแก่น้อยแลนด์ ธุรกิจของฝาก ที่รายได้หลักมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19 สาขา เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย เหลือเพียง 5 สาขา ที่เปิดเพื่อรอโอกาสนักท่องเที่ยวกลับอีกครั้ง
โดยในอดีตก่อนที่โควิด-19 จะระบาดในประเทศไทยร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์เคยทำรายได้เฉลี่ยปีละ 300-400 ล้านบาทต่อสาขา
3. ตลาดต่างประเทศลดลง 14.0%
รายได้ส่วนใหญ่ของเถ้าแก่น้อยมาจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน
ในปีที่ผ่านมาเถ้าแก่น้อยประสบปัญหาขาดตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้รายได้จากประเทศจีนจากที่ปี 2562 มีรายได้ 1,906 ล้านบาท เหลือเพียง 1,083 ล้านบาท และทำให้รายได้รวมของเถ้าแก่น้อยในกลุ่มตลาดต่างประเทศลดลง 14.0% เหลือรายได้ 2,707.6 ล้านบาท ในปี 2563
ทั้งนี้แม้เถ้าแก่น้อยจะให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการผลิตและต้นทุนต่าง ๆ จากการควบรวมโรงงานด้วยการยุบโรงงานที่นพวงศ์ และผลิตสาหร่ายที่โรงงานโรจนะแห่งเดียวก็ตาม แต่ก็ยังมีกำไรขั้นต้นที่นำรายได้จากการขายหักต้นทุน ลดลง 2.4% และมีกำไรสุทธิเหลือเพียง 242.6 ล้านบาท ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ 200 ล้าน
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ