VW งานเข้า ทางการสหรัฐอาจเรียกสอบฐานใช้แคมเปญรีแบรนด์ปั่นหุ้น

แคมเปญรีเบรนด์ ไอเดียแสบเปลี่ยนชื่อเป็น Voltswagen ในสหรัฐฯ เพื่อย้ำถึงการรุกตลาดรถ EV อาจทำให้ Volkswagen (VW) งานเข้าเจอเรียกสอบฐานปั่นหุ้น

ค่ายรถใหญ่สัญชาติเยอรมันอาจได้ไม่คุ้มเสียจากแผนโปรโมตไอเดียแสบ โดยแม้ Volkswagen (VW) ออกมาแก้ตัวว่า การเปลี่ยนชื่อแบรนด์ในสหรัฐฯ เป็น Voltswagen คือแผนโปรโมตเกาะกระแส April Fool’s Day ที่หลุดไปก่อนกำหนด แต่เรื่องอาจไม่จบง่าย ๆ เพราะ VW ได้ประโยชน์ได้จากเรื่องนี้ จึงเข้าข่ายใช้ข้อมูลปั่นหุ้น

ปลายมีนาคมที่ผ่านมา VW เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร หลังมีข่าวปรากฏตามสื่อใหญ่ ๆ ว่าเตรียมเปลี่ยนชื่อแบรนด์และชื่อบริษัทในสหรัฐฯ เป็น Voltswagen เพื่อย้ำถึงการรุกตลาดรถ EV และล้ม ‘เบอร์ใหญ่’ ที่เป็นเจ้าบ้านอย่าง Tesla ให้ได้

ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากไม่กี่ปีมานี้ VW ทุ่มสุดตัวพัฒนาและผลักดันรถ EV ออกสู่ตลาด ประกอบกับ Herbert Diess – CEO เองก็พูดอย่างเปิดเผยว่า ต้องการล้ม Tesla

Herbert Diess

ทว่าแผนรีแบรนด์ครั้งนี้ก็ถูกตั้งคำถาม เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึง April Fool’s Day 1 เมษายน ที่ค่ายรถมักปล่อยแคมเปญข่าวลวงเกาะกระแส

และ VW ก็เคยร่วมด้วย ผ่านการปล่อยข่าวในปี 2003 ว่าเมือง Wolfsburg ฐานการผลิตหลักในเยอรมนีจะเปลี่ยนชื่อเป็น Golfburg ตามรถรุ่น Golf

ช่วงแรก ๆ ที่ข่าวรีแบรนด์แพร่ออกไป ก็มีนักลงทุนในสหรัฐฯ ขานรับจนดันราคาหุ้นของ VW ขึ้นมา 10%

ที่สุด VW ก็ออกมายอมรับ โดยอ้างว่า แผนรีแบรนด์เป็นแค่การเกาะกระแส April Fool’s Day ตามที่ถูกตั้งข้อสงสัยกัน แต่ทีมโปรโมตดันพลาด ปล่อยข่าวหลุดออกไปเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจยังไม่จบและมีแนวโน้มว่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ VW ในสายตาชาวอเมริกัน

เพราะประโยชน์ที่ได้จากแคมเปญวัน April Fool’s Day กำลังทำให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) จับตามอง และอาจเรียกตัวผู้บริหารหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ของ VW มาสอบว่า มีความผิดฐานใช้ข้อมูลปั่นหุ้นหรือไม่

ไม่ว่านี่จะเป็นความพลาดที่ปล่อยแคมเปญเกาะกระแส April Fool’s Day หลุดออกไปก่อนตามที่ VW อ้างหรือทั้งหมดจะเป็นแผนโปรโมตรถ EV แต่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้กำลังทำให้ VW ได้ไม่คุ้มเสีย

เมื่อปี 2015 VW เคยถูกทางการสหรัฐฯ สั่งปรับเป็นเงินก้อนใหญ่จากเหตุอื้อฉาว ปลอมแปลงค่าปล่อยมลพิษของเครื่องยนต์ จนมูลค่าแบรนด์ลดฮวบ

และทางการสหรัฐฯ ก็เคย ‘ลงดาบ’ บริษัทยานยนต์ที่ปั่นหุ้นมาแล้ว ยืนยันได้จากเมื่อปี 2018 สั่งปรับ Elon Musk – CEO ของ Tesla ถึง 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 220 ล้านบาท) หลังทวิตว่าจะถอนหุ้น Tesla ออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ/cnn